ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการแบ่งพื้นที่ให้รัฐมนตรีดูแลในนโยบายนายกฯ ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ในการดูแลพื้นที่แต่ละจังหวัดที่พรรคประชาธิปัตย์ได้กลับมาดูแลพื้นที่ภาคใต้ว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้น การทำงานในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และในฐานะที่ได้รับมอบหมายการทำหน้าที่จากพรรคพลังประชารัฐได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทุกจังหวัด ดังนั้น การแบ่ง จังหวัดให้รัฐมนตรีรับผิดชอบในแต่ละจังหวัดนั้น จึงไม่ใช่ประเด็น เพราะตนลงพื้นที่ทุกพื้นที่ทุกจังหวัดอยู่แล้ว และเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะมอบหมายให้ตนรับผิดชอบ ซึ่งพร้อมดำเนินการให้ดีที่สุด
ส่วนที่มีการมองว่าจะเป็นปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคพลังประชา กับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ร้อยเอกธรรมนัส มองว่า เป็นการคิดกันไปเอง และตนก็ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และการทำงานระหว่างตนเอง , ส.ส.,พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นพวกเดียวกัน ส่วนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่พอใจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
ร้อยเอกธรรมนัส ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงกรณีที่มีรัฐมนตรี นินทาลับหลังในการประชุมต่าง ๆ โดยระบุเพียงว่า ไม่ทราบ
ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพื่อให้ผู้อื่นมาแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 แทนว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เสมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างมนุษย์ กับเชื้ไวรัส และสถานการณ์เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบทั่วโลก บางประเทศสถานการณ์มีความรุนแรง รัฐบาลจึงต้องเร่งช่วยให้ประเทศฝ่าวิกฤตไปให้ได้ และฝ่ายค้านไม่ควรเล่นการเมืองมากเกินไป พร้อมมองข้อเสนอการลาออกว่า เป็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่สถานการณ์เวลานี้ทุกฝ่าย ต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน และเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตพรรคร่วมรัฐบาลพยายามตีตนออกห่างจากพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ในระลอกที่ 3 นั้น ร้อยเอกธรรมนัส ยังมั่นใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลคิดเหมือนกันกับพรรคพลประชารัฐ ในการทำหน้าที่ ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง และเมื่อประชาชนเดือดร้อน ก็ไม่ควรพูดเรื่องการเมือง และยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง และมั่นใจว่าประชาชนจะทราบว่า แต่ละพรรคการเมืองเป็นอย่างไร
พร้อมกันนี้ร้อยเอกธรรมนัส ยืนยันว่าไม่มีความกังวลในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ความเป็นรัฐมนตรีและส.ส. ของตน กรณีที่ ต้องคำพิพากษา คดีค้ายาเสพติดของศาลออสเตรเลีย โดยยังคงทำงานลงพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ต่อไป
