รวบตัวแล้ว “ผู้ต้องสงสัย” เหตุคาร์บอมบ์ “แฟลตตร.บันนังสตา”

รวบตัวแล้ว "ผู้ต้องสงสัย" เหตุคาร์บอมบ์ "แฟลตตร.บันนังสตา"

Top news รายงาน ความคืบหน้ากรณีคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณหน้าแฟลตที่พักตำรวจ สภ.บันนังสตา จังหวัดยะลา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 มิถุนายน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 34 ราย ล่าสุดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าในวันเดียวกันนั้น หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ พบเป็นรถยนต์ทางราชการขององค์การบริหารส่วนตำบลธารโต และจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบบุคคลต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับรถยนต์ดังกล่าว ซึ่งสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว ทราบชื่อคือ นายมุสตอฟา มะและ อายุ 27 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ที่ 3 บ้านจาเราะแป ตำบลธารโต อำเภอธารโต จังหวัดยะลา เป็นผู้ช่วยช่างโยธาขององค์การบริหารส่วนตำบลธารโต

ข่าวที่น่าสนใจ

จากผลการซักถามเบื้องต้นพบว่า นายมุสตอฟา เป็นคนใช้รถยนต์คันดังกล่าวเป็นคนสุดท้าย หลังจากนั้น นายมะรอปี หะมะ อายุ 45 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 104/2 หมู่ที่ 7 ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เป็นคนโทรหานายมุสตอฟาสอบถามหากุญแจรถยนต์ และทราบข้อมูลจากนายมุสตอฟาว่า นายมะรอปีเป็นคนออกจากองค์การบริหารส่วนตำบลธารโตเป็นคนสุดท้าย ปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลและติดตามตัวนายมะรอปีเพื่อมาให้ข้อมูลกรณีต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ

 

 

 

 

 

สำหรับในขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจเพื่อให้รับทราบถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว นายมุสตอฟาไปยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป

ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ขนลุก! มูลนิธิร่วมกตัญญู จัดโต๊ะจีนเชิญดวงวิญญาณตึกสตง.ถล่ม "หนุ่มกู้ภัย" ร้องลั่น "หิว ช่วยด้วย"
"เอกสิทธิ์" เผยมาตรฐาน-คุณภาพภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยสำคัญสร้างเชื่อมั่นความปลอดภัย รองรับพิบัติภัยในอนาคต
"รมว.ท่องเที่ยว" ระดมภาครัฐ-เอกชน ถกปัญหาความปลอดภัย ฟื้นภาพลักษณ์เที่ยวไทย หลังเจอกระแสข่าวด้านลบ
นาทีชีวิต! ส่งเฮลิคอปเตอร์ EC-725 ช่วยผู้ป่วยวิกฤต ส่งถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา
วธ. จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระกุศล "เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ" วันคล้ายวันประสูติ
"สก.นภาพล" ซัดกระทู้ถาม "กทม." เมื่อไหร่จะจ่ายคืนหนี้ BTS ย้ำดอกเบี้ยเพิ่มวันละ 4.5 ล้าน แฉฟาดรายได้ค่าโดยสาร 3 เดือน กว่า 2 พันล้าน แต่ให้เอกชนแบกภาระวิ่งรถไฟฟ้า
จีนสั่งยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าบางประเภทจากสหรัฐ
"รองผอ." คดีฮั้วประมูล เผย "3 วิศวกร" รับลงชื่อตรวจงานสร้างตึกสตง.จริง เร่งสอบลายมืออีก 7 ราย ยังปฏิเสธ
"นายกฯ" รับมอบเงิน 5 ล้าน มูลนิธิเรนวูด ช่วยผู้ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว
"อดีตผู้พิพากษา" ชี้ตรง ป.ป.ช.-อสส.ไม่ทำหน้าที่โจทก์ เหตุศาลฎีกาฯ ต้องออกโรงไต่สวนเอง "ทักษิณ"ไม่ติดคุกจริงตามคำพิพากษา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น