ศาลอาญามีนบุรี จำคุก 4 จำเลย บุกรุกบ้านอากู๋ 1 ปี 6 เดือน ปรับ 22,000 บาท รับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง จำเลยชดใช้ 1 ล้านบาท ให้รอลงอาญา 2 ปี
เมื่อวานนี้ อัยการโจทก์ และทนายความโจทก์ร่วม จำเลยทั้ง 4 คน พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา ที่ศาลอาญามีนบุรี ในคดีที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ยื่นฟ้องนางสาวศรีพรรณ สามัคคี / นางนิตยา สามัคคี / นายพลกฤษณ์ ทองคำ / และนางสาว มาลี คินน้อย รวม 4 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานบุกรุก / ทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์
จากกรณีจำเลยทั้งหมดบุกรุก บ้านของอากู๋ และอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์เป็นของตนเอง ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อปลายปี 2566 และลักลอบกลับเข้ามาอ้างสิทธิการครอบครองปรปักษ์อีกครั้ง จึงได้มีการเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม เหตุเกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยรามอินทรา 58 กรุงเทพฯ โดยจำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ด้วยวงเงินคนละ 5 หมื่นบาท
โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อระหว่างปี 2560-2566 จำเลยทั้งสี่ได้บุกรุกเข้าไปยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เพื่อจะเข้าไปต่อเติมสิ่งปลูกสร้าง และอยู่อาศัย แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่ามีการบุกรุกในตอนกลางวัน หรือกลางคืน จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าเป็นการบุกรุกในเวลากลางวัน และไม่ได้เป็นการกระทำความผิดโดยบุกรุกอย่างต่อเนื่อง
จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐาน “บุกรุก” จำคุก 6 เดือน ปรับ 2 พันบาท และความผิดฐาน “ลักทรัพย์” จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 2 หมื่นบาท จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง ฐาน “บุกรุก” คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 1 พันบาท ลดโทษกึ่งหนึ่งฐาน “ลักทรัพย์” คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท // รวมโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คงจำคุก 9 เดือน ปรับ 11,000 บาท
แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 4 อายุมากแล้ว และจำเลยยังร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1 ล้านบาท จนเป็นที่พอใจของผู้เสียหายแล้ว จึงเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ในส่วนข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” ซึ่งเป็นคดียอมความกันได้ ทางโจทก์ร่วมขอถอนฟ้อง ไม่ติดใจเอาความ
ด้านนางสาวอำนวยพร มณีวรรรณ์ ทนายความผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้เสียหายชนะคดีในข้อหาฐาน “บุกรุก และลักทรัพย์” รวมโทษที่ลดแล้วจำคุก 9 เดือน ปรับ 11,000 บาท ในส่วนทำให้เสียทรัพย์โจทก์ร่วมถอนฟ้อง ศาลเมตตา เนื่องจากเห็นว่าไม่เคยกระทำผิด และจำเลยสูงอายุ จึงให้รอลงอาญา 2 ปี หลังจากนี้ คดีก็จะจบลงที่ศาลชั้นต้น เนื่องจากผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ซึ่งตอนนี้จำเลยก็ชดใช้ค่าเสียหายในส่วนคดีครอบครองปรปักษ์ ที่ฝ่ายจำเลยยื่นคำร้อง ก็ได้ถอนคำร้องไปก่อนหน้านี้
ขณะที่นายซัน หลานของอากู๋ เดินทางมาพร้อมนางสาว สโรชา ภรรยา โดยนางสาว สโรชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียนของคนกระทำแบบนี้ สิ่งที่มันผิดกฎหมาย เราควรรู้ว่าการไปยุ่งกับของคนอื่นก็ควรมีบทลงโทษ ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปในสังคม
#ครอบครองปรปักษ์
#อากู๋
#บุกรุกบ้านอากู๋
#topnews
