X

ฝนถล่มเมืองทะเลทรายดูไบ กลายเป็นเมืองจมบาล

-ขึ้นชื่อว่าประเทศแถบทะเลทราย คงแทบนึกภาพน้ำท่วมเมืองกันไม่ออก แต่ด้วยวิกฤตโลกร้อนในปัจจุบัน เราจึงได้เห็นดูไบ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้กลายเป็นเมืองจมบาดาล เมื่อเผชิญกับฝนที่ตกหนักเพียงวันเดียว แต่ปริมาณเท่ากับตกไปทั้งปี และประเทศก็ไม่ได้มีประสบการณ์เพียงพอ ที่จะรับมือกับน้ำท่วมฉับพลัน เพราะแทบจะไม่เคยประสบมาเลย
-เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ในวันอังคารถึงวันพุธรวมเพียง 1 วัน กรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE และนครดูไบ ศูนย์กลางการเงินและเศรษฐกิจ รวมถึงอีกหลายพื้นที่ของประเทศ ต้องเผชิญกับพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก เกิดน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง จนทำให้เป็นอัมพาตไปทั่วเมือง ถนนหลักๆหลายสายไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ประชาชนและนักท่องเที่ยว ต้องพากันหนีน้ำจากชั้นใต้ดินตามห้างสรรพสินค้า ขึ้นไปอยู่บนที่สูง ท้องฟ้าเหนือดูไบช่วงบ่าย ที่ปกติจะไร้เมฆและเป็นสีฟ้าสดใส กลับกลายเป็นสีดำมืดเหมือนตอนกลางคืน
-สำหรับ UAE นั้น ความที่เป็นประเทศแถบทะเลทราย ถนนและพื้นที่ส่วนใหญ่จึงไม่มีระบบระบายน้ำ หรือการจัดการน้ำท่วม เพราะการจะเผชิญกับน้ำท่วมได้นั้น ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติเลย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว UAE จะเผชิญกับฝนตกแบบเป็นครั้งคราวในช่วงเดือนที่มีอากาศเย็นลงเท่านั้น แต่แล้วเมื่อจู่ๆ ได้เกิดฝนตกหนักจนน้ำท่วมสูง จึงได้เกิดกระแสข่าวออกมาว่า ฝนถล่มครั้งนี้ ไม่ใช่ธรรมชาติที่แปรปรวน แต่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ นั่นก็คือการทำฝนเทียม เพราะโดยปกติ ยูเออีจะใช้ฝนเทียมในการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยจะส่งเครื่องบินขึ้นทำภารกิจสร้างฝนเทียมปีละประมาณ 1 พันชั่วโมง
-อย่างไรก็ดี ทางสำนักข่าว CNBC ก็ได้อ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของโอมาร อัล-ยาซีดิ รองผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยาของยูเออี ที่ออกมายืนยันว่า ทางหน่วยงานไม่ได้ส่งนักบินขึ้นทำภารกิจเพาะเมฆในช่วงก่อนหน้านี้ และระหว่างที่พายุฝนถล่มประเทศเลย เพราะหนึ่งในหลักการพื้นฐานของการทำฝนเทียมนั่นก็คือ ต้องมุ่งเป้าไปที่เมฆตั้งแต่ระยะแรก หากมีสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงนั่นก็หมายถึงว่า สายเกินไปแล้วที่จะทำฝนเทียม จึงยืนยันได้ว่า พายุฝนครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ
-ด้านนิตยสารเนเจอร์ ได้มีรายงานช่วงก่อนหน้านี้ว่า จากที่ยูเออี เคยมีภูมิอากาศแบบทะเลทรายและแล้งฝน แต่บัดนี้ ได้เริ่มเผชิญกับภูมิอากาศที่เปลี่ยนไปมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากไคลเมท เชนจ์ หรือภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ปริมาณน้ำฝนในยูเออี เพิ่มขึ้นในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15-30 เปอร์เซ็นต์ ในอีกหลายปีข้างหน้าด้วย
-และสำหรับผลกระทบจากน้ำท่วมในยูเออีครั้งนี้นั้น ได้ทำให้เที่ยวบินที่สนามบินนานาชาติดูไบ ซึ่งเป็นสนามบินที่มีความพลุกพล่านเป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับการเชื่อมต่อเที่ยวบินไปยังทุกทวีป ต้องหยุดชะงัก และเผชิญกับสภาวะที่ท้าทายเป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่ราบต่ำหลายแห่ง จมอยู่ใต้น้ำ เที่ยวบินประมาณ 290 เที่ยวทั้งไปและกลับ ต้องถูกยกเลิก อีกทั้งยังมีเที่ยวบินล่าช้าอีกถึง 440 เที่ยวบิน นักท่องเที่ยวติดอยู่ในสนามบินกว่า 12 ชั่วโมง ระบบภายในสนามบินพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง สายการบินแห่งชาติอย่างเอมิเรตส์ ก็ปล่อยผู้โดยสารทิ้งไว้ โดยไม่มีพนักงานดูแล หรือแจ้งข้อมูลประสานงานใดๆเลย ผู้คนต้องนอนหลับบนพื้นกันแน่นขนัด และยังขาดแคลนทั้งอาหารและน้ำดื่มด้วย
-ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ยูเออีประเทศเดียว ที่เจอสภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้ว บาห์เรนก็เผชิญฝนตกหนักและน้ำท่วมเช่นกัน ส่วนคูเวต และซาอุดิอาระเบียก็ประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือพายุฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักด้วยเช่นกัน
#บก.ข่าวทีวี

คลิปเด่นประจำวัน

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น