"ก้าวไกล" สยองขวัญยุบพรรคสะกดจิตสาวกใจเสาะแค่เปลี่ยนป้ายชื่อไปสิงร่างใหม่
ข่าวที่น่าสนใจ
พอปะหน้าสื่อมวลชนที่ดักรอถามคดียุบพรรคที่ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งพิฆาต พรรคก้าวไกลเตรียมแผนสำรองรับมือในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายธนาธร บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ โบ้ยให้สื่อไปยื่นไมค์ถาม นายชัยธวัช ตุลาธน หรือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นคนให้ข่าวจะดีกว่า เนื่องจากตัวเองไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าคดียุบพรรคไปถึงไหนแล้ว และ ไม่มีความกังวลแต่อย่างใด หากพรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรคเกิดขึ้นจริง
ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล แกนนำพรรคก้าวไกล ออกอาการทำปากแข็งเช่นกัน ตอบแต่เพียงว่า อาจเรียกว่าข่าวหลุด ซึ่งมีหลายข้อที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เช่น กระแสข่าวพรรคสำรองที่ตั้งไว้รองรับว่าเป็น “พรรคก้าวใหม่” ยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดในที่ประชุม ส.ส.อย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่ามีการพูดเรื่องการเตรียมพร้อมทุกฉากที่จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะออกมาทางใดทางพรรคก้าวไกล เตรียมพร้อมเต็มที่ โดยมีการประเมินไว้ คือ ยุบพรรค กับ ไม่ยุบพรรค และในพรรคไม่ได้พูดคุยกันถึงความน่าจะเป็นว่าจะออกมาในทิศทางไหน เนื่องจากอำนาจไม่ได้อยู่ในมือ ซึ่งหากคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญออกมาไม่ยุบพรรคก็ไม่ต้องทำมากเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป หรือ หากกรณียุบพรรคก็ไม่ต้องยังคงเดินหน้าทำหน้าที่เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่าง
ทั้งนี้ เพียงแต่ว่าเป็นการพูดคุยกันเพื่อให้เข้าใจดีว่า ส.ส. ส่วนใหญ่เป็นสมัยแรก ที่อาจจะมีความกังวลไม่สบายใจ เลยต้องการปลุกใจในที่ประชุม สส. มากกว่า ไม่มีอะไรแค่บ้านหลังเดิมและเปลี่ยนป้ายชื่อ แค่นั้นไม่ได้คิดอะไรกันมาก แต่พอสื่อซักถามถึงกรณีที่มีการระบุว่า นายธนาธร เป่ากระหม่อมในที่ประชุม ส.ส.และแกนนำพรรคว่า หากมีการยุบพรรคขอให้ ส.ส. ทุกคนไปหาพรรคใหม่พร้อมกันทั้งหมดนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เป็นคำพูดของนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นการปลุกกำลังใจ ด้วยอยากให้ทุกคนเดินไปด้วยกันและต่อสู้ไปด้วยกันในเส้นทางที่สู้มาด้วยกันตั้งแต่ต้น
จากคำกล่าวของ นายปกรณ์วุฒิ ข้างต้นจับสัญญาณทางการเมือง ได้ว่าอาจกลัว ส.ส.หน้าใหม่ที่ขี่กระแสส้มฟีเวอร์เข้าสภามาได้แบบบุญหล่นทับ หรือ ส.ส.หน้าเก่าลูกหม้อพรรคแตกแถวไปซบพรรคอื่น ไม่ใช่พรรคใหม่ที่ผู้นำจิตวิญญาณเตรียมการไว้ ยิ่งก่อนหน้านี้เกิดกระแสข่าวลือหนัก ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเร่งปิดจ็อบพรรคก้าวไกลก่อนเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากติดวันหยุดยาวหลายวัน คาดการณ์วันประหารไว้ประมาณวันที่ 10 เมษายน จะแม่นหรือเดามั่ว แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อหัวขบวนพรรคก้าวไกลอย่างมาก โดยเฉพาะ ส.ส.หน้าใหม่ที่เข้าสภามาได้แบบฟลุ๊ก ๆ กับ 44 ส.ส.ที่ไปร่วมลงชื่อยกเลิกมาตรา 112 ติดร่างแหคดีล้มล้างการปกครองฯ จำต้องโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พิฆาตด้วยข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรงต้องถูกตัดสิทธิ์ดับอนาคตทางการเมืองไปตลอดชีวิต ดังนั้น ชะตากรรมทางการเมือง ส.ส.ก้าวไกล เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายบาง ๆ และอยู่บนทางสองแพร่ง นั้นคือ ยังจะตามก้นแกนนำคณะก้าวหน้า กับ พรรคก้าวไกลผู้นำแถว 1 กับแถว 2 ไปสิงร่างใหม่ หรือ แปรพักตร์เลิกหมกมุ่นมาตรา 112 แตะต้องสถาบันหลักของชาติไปหาพรรคใหม่สังกัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง