กาซาเจอปัญหาใหม่ ฝนตกหนักสร้างความกังวลให้พลเมืองที่อาศัยในเต็นท์ชั่วคราว หวั่นน้ำท่วมและโรคระบาด
เมื่อวานนี้(14 พ.ย.) ฉนวนกาซาเผชิญกับฝนตกหนัก เป็นสัญญาณการเริ่มต้นฤดูหนาวที่มักมีฝนตก นำมาซึ่งความกังวลและความท้าทายใหม่สำหรับชาวปาเลสไตน์ ที่หลายคนตกเป็นคนไร้บ้านและต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ชั่วคราว จากการถูกอิสราเอลโจมตีมานานหลายสัปดาห์ โดยฝนตกสร้างความกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วม เนื่องจากระบบบำบัดน้ำเสียพังทลาย และการที่ประชากรอาศัยรวมตัวกันหนาแน่น อาจทำให้เกิดโรคระบาด
ที่ศูนย์พักพิงของสหประชาชาติในเมืองคาน ยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ฝนที่ตกลงมาสร้างความตกตะลึงให้กับผู้พลัดถิ่นที่ตื่นขึ้นมา และพบว่าเสื้อผ้าที่พวกเขานำไปตากในคืนนั้นเปียกโชก พร้อมเกิดความกังวลว่าเต็นท์ผ้าใบ จะไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกต่อไปหากเกิดน้ำท่วม และพวกเขาไม่รู้ว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน แม้ในเวลาปกติ ปัญหาน้ำท่วมมักเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว แม้จะมีฝนตกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากระบบบำบัดน้ำเสียไม่สามารถดูดซับน้ำได้ คาริม มไรช์ ผู้พลัดถิ่นกล่าวว่า ผู้คนในศูนย์พักพิงโดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิงและคนแก่กำลังสวดภาวนาขอให้ฝนหยุด เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมความทุกข์ยากของพวกเขา
องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า กาซาเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการแพร่กระจายของโรค เนื่องจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้ขัดขวางระบบสาธารณสุข การเข้าถึงน้ำสะอาดที่จำกัด และปัญหาความแออัดในศูนย์พักพิง นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกของ WHO กล่าวในกรุงเจนีวาว่า ขณะนี้พบการระบาดของโรคท้องร่วงในกาซาแล้ว มีผู้ป่วยท้องร่วงมากกว่า 3 หมื่นราย เทียบกับในเวลาปกติที่มีผู้ป่วยเฉลี่ยเพียง 2 พันราย
นอกจากนี้อาห์เหม็ด ไบรัม โฆษกสภาผู้ลี้ภัยนอร์เวย์กล่าวว่า การเริ่มต้นฤดูฝน อาจถือเป็นสัปดาห์ที่ยากลำบากที่สุดในฉนวนกาซา ในการอพยพผู้คนและการทำงานของทีมกู้ภัย ขณะที่ขาดแคลนเชื้อเพลิงรุนแรง
ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา 2.3 ล้านคน ยังคงต้องเผชิญกับวิกฤตด้านมนุษยธรรม ซึ่งการวางแผนช่วยเหลือจะต้องวางแผนใหม่ทุกวัน เนื่องจากการสู้รบทำให้สถานการณ์มีความผันผวนและซับซ้อนมาก และจะซ้ำร้ายหนักขึ้นไปอีก ในเวลาที่เกิดฝนตกและน้ำท่วม