AFP รายงานว่าการท่องเที่ยวไทยเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว หลังจากที่จีนเปิดตัวภาพยนตร์จอยักษ์เรื่อง “No More Bets” (โน มอร์ เบ็ทส์) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชาวจีนที่ถูกลักพาตัวระหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศอาเซียน ก่อนถูกส่งตัวไปประเทศที่สาม เพื่อกักขังและบังคับให้ทำงานในแก๊งต้มตุ๋มหลอกลวงหรือแก๊ง Call Center เพื่อหลอกให้เหยื่อโอนเงินมา ซึ่งแม้จะไม่ระบุชื่อประเทศอาเซียน แต่จากฉากหลังบ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นประเทศไทย และที่สำคัญจีนอ้างว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตามที่เป็นข่าว
AFP และสำนักข่าวหลายแห่งเคยรายงานเหตุการณ์ที่คนจีนจำนวนมากถูกล่อลวงไปกักขังและบังคับทำงานในแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์ที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนใหญ่ส่งไปเมียนมาและกัมพูชา แต่ส่วนใหญ่เป็นลักษณะการหลอกไปทำงานด้วยการเสนอค่าตอบแทนที่สูง ไม่ใช่การจับตัวหรือลักพาระหว่างการท่องเที่ยว และเท่าที่มีการรายงานก็ไม่เคยปรากฎว่าประเทศไทยเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และไม่เคยเจอสถานที่กักขังเหยื่อลักพาตัวในเมืองไทย
แต่หลังจากที่ภาพยนตร์ “No More Bets” ออกฉายปรากฎว่าหนังเรื่องนี้มีคนเข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของจีนในปีนี้ ทำรายได้ถึง 3 พัน 800 ล้านหยวนหรือราว 1 หมื่น 9 พันล้านบาทในเวลาแค่เดือนเดียว และทำให้คนจีนจำนวนมากพากันวิตกเรื่องการมาท่องเที่ยวเมืองไทย พ่อแม่คนจีนหลายคนเตือนลูกไม่ให้มาบอกว่าไม่ปลอดภัย AFP ได้สัมภาษณ์นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวพระบรมราชวังเมื่อไม่กี่วันก่อน นักท่องเที่ยวบอกว่าเพื่อนๆของเธอไม่กล้ามา บอกให้เธอทดลองมาก่อน ถ้าปลอดภัยแล้วจึงจะตามมา
ข่าวลือเรื่องการลักพาตัวนักท่องเที่ยวจีนมีขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีการทำคลิปส่งต่อออนไลน์ในหลายแพล็ตฟอร์ม ทำให้สถานทูตไทยในปักกิ่งต้องออกมาทำความเข้าใจและรับรองความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทย แต่ข่าวลือก็ยังไม่หมด จนกระทั่งมีการปล่อยหนัง “No More Bets” ตามออกมาอีกเป็นการตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อันตรายในสายตานักท่องเที่ยว ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวดิ่งลงทันที โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเคยมาเที่ยวไทยปีละกว่า 10 ล้านคนในช่วงก่อนโควิด
