“วิชา” ยกคำพิพากษาศาลฏีกา ระบุชัด ใช้ถุงคลุมหัวเจตนาเอาชีวิต

"วิชา มหาคุณ" ยกคำพิพากษาศาลฎีการะบุชัด ใช้ถุงคลุมหัวในการสอบสวนคดี เป็นการเจตนาฆ่า ระบุ อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ เพราะคนวงในทนไม่ไหวถ่ายคลิปแจ้งเบาะแส

ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ที่ปรึกษาและกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจ… พ.ศ กล่าวถึงคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ส่งผลให้ประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยไม่มั่นใจต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ว่า เรื่องนี้ขอใช้คำว่าอย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ เพราะว่าออกมาเหมือนกันเลยล่อนว่าการกระทำเป็นอย่างไรบ้างมันแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดียอย่างไม่มีใครยับยั้งได้เหมือนพายุร้ายที่กวาดล้างความไม่ดีงามต่างๆ social media มีอิทธิพลเพราะฉะนั้นใครจะทำอะไรต้องระวังไม่ใช่ระวังว่าทำอะไรแล้วไม่อยากให้ใครเห็นเพราะเดี๋ยวนี้หนูตาประชาชนหรือคนในวงการเขาทนไม่ไหวถ้าไม่ใช่คนในวงการถ่ายคลิปไว้ก็ไม่สามารถมาเปิดเผยได้เพราะเขาเปิดกล้องออกหมดแสดงให้เห็นว่าแนวทางการป้องกันปราบปรามทุจริตหรือประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในขณะนี้ใช้หลักการแจ้งเบาะแสแจ้งข้อมูลไม่ว่าอยู่ที่ไหนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามมีอำนาจอยู่ในมือ คือโทรศัพท์มือถือ  ที่แม้แต่เด็กสามารถที่จะถ่ายภาพเหตุการณ์และเป็นพยานหลักฐานสามารถเอาผิดคนให้ถึงกับจำคุกได้มาแล้ว

 

ขณะที่วิธีการนำถุงมาคลุมเพื่อเป็นการสอบสวนเคยมีเกิดขึ้นหรือไม่ นายวิชาระบุว่าศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ ในคำสั่งศาลที่ 5332/2560 ว่า ตำรวจที่ใช้วิธีการนี้แล้วพยายามอ้างว่าไม่ได้เจตนาฆ่าแค่ทำร้ายจนถึงความตาย ซึ่งศาลฎีการะบุชัดว่าการที่นำถุงที่ขาดอากาศหายใจมาคลุม แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่าเล็งเห็นว่าคนที่ถูกคลุมหัวจะขาดอากาศหายใจและอาจตายได้เพราะฉะนั้น ศาลฎีกาจึงวางหลักไว้ชัดเจนว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า ซึ่งไม่ใช่แค่ถุงดำครอบหัวชั้นเดียวครอบถึง 3 ชั้น และภาพในคลิปออกมากว่า 10 นาที ชัดเจนมากเหมือนเป็นการไต่สวนกลางเมือง  ทำให้ผู้กระทำผิดจึงพยายามเบี่ยงเบนว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่คำสั่งศาลฎีกาออกมาชัดเจนแล้ว ซึ่งสามารถไปติดตามอ่านย้อนหลังคำสั่งศาลฎีกาฉบับยาวได้เพราะศาลฎีกาไม่มีคำว่าไม่ยุติธรรม

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็คงต้องติดตามการทำงานของคณะกรรมการในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งส่วนตัวมองว่ามีความผิดปกติเนื่องจากการสอบสวนนั้นจะต้องดำเนินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ และกระบวนการอื่นๆในการพิจารณาร่วมกันเพื่อค้นหาความจริงว่ามีใครร่วมมือหรืออยู่เบื้องหลังและมีการทำแบบนี้ก่อนหน้านี้หรือไม่

 

“เพราะวิธีการแบบนี้เขาเรียกว่าจารีตนครบาลเป็นวิธีการที่ล้าสมัย รัชกาลที่ 5 ทรงต้องการให้เลิกวิธีการดังกล่าวเพื่อให้มีความเป็นสากลซึ่งเรื่องนี้พูดมาเป็นร้อยปีแล้ว”

 

ฉะนั้น ศาสตราจารย์พิเศษวิชา เห็นด้วยว่าการปฏิรูปตำรวจ นั้นจำเป็นที่ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการในการสอบสวนควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งร่างพระราชบัญญัติสอบสวนคดีอาญา ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์เป็นประธาน ได้ส่งเรื่องมาแล้วขณะนี้อยู่ชั้นการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งกระบวนการก็พยายามเร่งเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภาโดยเร็ว

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นกเพนกวิน 3 ตัว" มอบทุนการศึกษาผ่าน "มูลนิธิยังมีเรา-ท็อปนิวส์"
"กองทัพภาคที่ 2" แจงปมคลิปทหารเขมรโวยทหารไทย เป็นคลิปเก่า เหตุเรื่องเวลาเปิด-ปิด "ปราสาทตาเมือนธม" แต่ละฝ่ายไม่ตรงกัน
ต่างชาติจับตาไทยจะมีรัฐประหารอีกครั้งหรือไม่
"กรมวังผู้ใหญ่" ตรวจเยี่ยมโครงการกำลังใจ ณ เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังทั้งด้านสุขภาพและอาชีพ
"มทภ.2" ชวนคนไทย เที่ยวปราสาทตาเมือนธม-ตาเมือนโต๊ด-ตาควาย ช็อปสินค้า กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนไทย
“อนุทิน” บอกไม่เกี่ยวแล้ว “ภูมิธรรม” สอบเขากระโดง ย้ำทำทุกอย่างทำตามขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนนั่ง มท.1
โอละพ่อ ! ช่างก่อสร้าง อ้างถูกโกงค่าแรง ที่แท้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สระแก้ว ย้ายด่วนเรื่องฉาวครูลวนลามเด็กนักเรียนหญิง
“ไอซ์” 1 ใน 5 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดังย่านลาดพร้าว ย่องเข้ามอบตัวแล้ว
“ทบ.” รับมอบเหรียญมงคล 700 เหรียญ ส่งกำลังใจให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น