วันที่ 4 พ.ค. 66 ที่จังหวัดนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โจมตีว่าเลือกภูมิใจไทย ได้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ว่าตรงนี้ก็บอกไปแล้วว่าจริงๆเรื่องแบบนี้คนที่ไม่ได้เป็น อยู่ในพรรคการเมืองเดียวกันไม่ควรจะพูดถึง การทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ มันต้องไม่พูดถึง เพราะเรายังไม่รู้ใจคนอื่นเขาคิดยังไง เราไม่มั่นใจ เราก็ไม่ควรพูด มันก่อให้เกิดความเสียหาย ความเข้าใจผิด และที่สำคัญคือมันอาจจะผิดกฎหมายด้วย ไม่ฟ้องก็ไม่ได้เพราะว่าลูกพรรคเสียหายเยอะ จะไปห้ามลูกพรรคไม่ให้ฟ้อง มันก็ไม่ได้ เพราะก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ตนก็ถือโอกาสมายืนยันกับพี่น้องประชาชนที่จังหวัดนครพนม เพราะเหตุมันเกิดที่จ.นครพนมเป็นครั้งแรก ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พรรคการเมืองไหนที่มีเสียงมากที่สุด เขาก็ต้องจัดรัฐบาล เขาก็ต้องเป็นนายกฯ
เงื่อนไขปี 62 กับ เงื่อนไขปี 66 มันคนละเงื่อนไขกัน แต่ตนก็ต้องบอกพี่น้องประชาชนว่า ในขณะที่คุณเศรษฐา ซึ่งไม่ทราบว่าได้รับฉันทานุมัติจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ พูดในฐานะอะไรมาบอกว่าถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยแล้ว พรรคจะไปเอาพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ อันนั้นยังไม่เกิดนะ แล้ววันนี้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็บอกแล้วว่า ไม่ใช่อย่างงั้น ถ้าพรรคภูมิใจไทยมาเยอะมากเพียงพอ พรรคภูมิใจไทยก็ต้องดำรงตำแหน่งนั้นเอง หัวหน้าพรรคก็ต้องเป็นนายกฯ แต่ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นในปี 62 พรรคที่มามากที่สุดคือพรรคเพื่อไทย แล้ว ปี 62 พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกฯถึง 3 ท่าน คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ,คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ , คุณชัยเกษม นิติสิริ แล้วลืมกันแล้วหรือ พรรคเพื่อไทยเลือกใครเป็นนายกฯ พรรคเพื่อไทยเลือกตัวแทนจากพรรคอนาคตใหม่ คือ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกฯ เพราะฉะนั้นไปดูบ้านตัวเองก่อน แต่ว่าตรงนี้ตนเชื่อว่า คนพรรคเพื่อไทยเห็นก็คงส่ายหัวกันเป็นแถว นี่คือการพูดการเมืองแบบไม่มีประสบการณ์ ไม่มีวุฒิภาวะ แล้วไม่รู้ว่ามีอำนาจพูดหรือไม่ คนเดือดร้อนคือพรรคเพื่อไทย คนที่จะฟ้องคุณเศรษฐา คือคนในพรรคเพื่อไทย เพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งมันชัดเจนแล้ว ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก วันนี้ก็มาชี้แจงว่า สิ่งที่คุณเศรษฐาพูดถึงพรรคภูมิใจไทยจะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้รับเลือกเข้ามามากที่สุด แต่ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว คือพรรคคุณเศรษฐาได้ทำเช่นนั้นไปแล้ว แค่นั้นเองไม่มีอะไรมาก ก็ต้องระวังเรื่องคำพูดมากๆ