“จ่าสิบโท” มือแฮก “9 near” สารภาพสิ้นมีข้อมูลหลุดจริง ซื้อมาแค่หลักพัน

"จ่าสิบโท" มือแฮก "9 near" สารภาพสิ้นมีข้อมูลหลุดจริง ซื้อมาแค่หลักพัน ทำไปแค่อยากดังสร้างกระแสให้สังคมสนใจ

ภายหลังจากที่ นายทหารพระธรรมนูญ นำตัว จ่าสิบโทเขมรัตน์ บุญช่วย เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. หลังถูกออกหมายจับข้อหา นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ, เผยแพร่ ส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จฯ ตามความใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นแฮกเกอร์นาม “9near” ที่นำข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายชื่อจากหน่วยงานรัฐไปเผยแพร่ผ่านบนโลกออนไลน์

 

 

จากนั้นตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหามาทำการสอบปากคำ ก่อนจะคุมตัวไปทำการตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งอยู่ในจังหวัดนนทบุรี โดยใช้เวลาตรวจค้นประมาณครึ่งชั่วโมง จึงนำตัวผู้ต้องหากลับมายัง สอท. เพื่อสอบปากคำต่อ ซึ่งระหว่างจะขึ้นไปด้านบนอาคาร ผู้ต้องหา ได้ยกมือไหว้ขอโทษคนไทยทั้งประเทศ หลังจากที่ได้นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเผยแพร่ทางโซเชียลจนเกิดความตื่นตระหนก พร้อมกับกล่าวสั้นๆ ว่า ขอโทษคนไทยทุกคนมา ณ ที่นี้ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดยังไม่ถูกนำไปจำหน่าย ส่วนเหตุผลของการกระทำครั้งนี้ ทั้งการซื้อข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งสำนวนและรายละเอียดต่าง ๆ ขอให้การกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ไป

 

 

 

ขณะที่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา  ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากการเข้าไปตรวจค้นบ้านพักของจ่าเขมรัฐพบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับไอทีหลายอย่าง เช่น ฮาร์ดดิสก์ คอมพิวเตอร์ Router ซึ่งจะนำหลักฐานที่เจอในบ้านพักมารวบรวมเป็นพยานหลักฐานต่อไป

ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การว่า ไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลออกไป แต่ไปซื้อฐานข้อมูลมาจากดาร์กเวปในต่างประเทศ ไม่คิดว่าเรื่องราวจะใหญ่โตขนาดนี้ แค่อยากลองภูมิหรือลองวิชา พอเรื่องราวใหญ่โตจึงมีการเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องของการเมือง อีกทั้งผู้ต้องหายังได้ปิดช่องทางการสื่อสารทุกทาง อาทิ โซเซียลมีเดีย และ โทรศัพท์มือถือ ก่อนขับหลบหนีไปทั่วถึงขนาดขับรถไปถึงจังหวัดเชียงราย ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นผู้กระทำเพียงคนเดียว ภรรยาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะภรรยาเป็นพยาบาลที่ไม่ได้มีหน้าที่ควบคุมฐานข้อมูล ของหน่วยงานรัฐแต่อย่างใด

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ซึ่งได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือ มีใบสั่งทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล จากนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่า มีบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่

ส่วนหน่วยงานภาครัฐที่พบความบกพร่องเรื่องของการเก็บข้อมูลนั้น ก็ต้องถูกตรวจสอบด้วยเช่นกันว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐรายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ ช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือไม่ จากนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่คนร้ายเพียงคนเดียวจะปฏิบัติการได้ขนาดนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวเพียงสั้นๆว่า “ไม่ทราบ”

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานไปทางประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ดาร์กเว็ป ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง คือ เว็บอะไร และหลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนและทหารพระธรรมนูญ ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังยังศาลทหาร โดยท้ายคำร้องได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี โดยมีระยะเวลาฝากขังผัดแรก ตั้งแต่วันที่ 12 -23 เมษายนนี้ รวมระยะเวลา 12 วัน

 

 

นอกจากนี้มีรายงานข่าวระบุว่า จากการสอบปากคำ จ.ส.ท.เขมรัตน์ ให้การว่า รับราชการมา 10 ปี โดยใช้วุฒิ ปวส. สอบเข้ารับราชการ บรรจุในสังกัด ขส.ทบ. ก่อนที่จะเรียนต่อปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพลขับทดลองรถ เวลาที่มีรถมาซ่อมบำรุง ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นจุดเริ่มมาจากการที่ตนได้เข้าไปพบข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Breached.vc ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีการประกาศขายข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยความอยากรู้จึงได้ทำการสั่งซื้อข้อมูลส่วนบุคคลจำนวน 8 ล้านรายชื่อ ในราคา 8,000 บาท และเมื่อตรวจสอบก็พบว่า มีรายชื่อข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลในครอบครัวตนทั้งหมด 5 รายชื่อ รวมทั้งมีรายชื่อบุคคลมีชื่อเสียงรวมอยู่ด้วย

 

 

ด้วยเหตุนี้เองตนจึงเห็นว่ามีข้อมูลหลุดออกมาจริง แต่ไม่มีหน่วยงานใดหรือใครที่จะออกมายอมรับหรือแก้ไข จนกระทั่งต้นเดือนมีนาคมจึงได้วางแผนที่จะสร้างกระแสเพื่อเรียกแขกจากเรื่องนี้เพื่อจุดประเด็นให้มีคนสนใจ โดยเริ่มจากการที่สมัครเว็บเพื่อส่งเอสเอ็มเอสแจ้งเตือนเรื่องดังกล่าว และซื้อซิมโทรศัพท์มาจำนวน 10 เลขหมาย ก่อนทำการทดลองส่งข้อความเข้าไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ซื้อมา เมื่อทดลองสำเร็จจึงได้กระจายข้อความไปยังบุคคลอื่นตามฐานข้อมูลที่ตนมี

 

 

ทั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาที่ปล่อยข้อมูล และไม่อยากให้สังคมมองทหารเสื่อมเสีย แต่อยากให้สังคมตระหนักว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล และเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานกลับไม่แก้ไข และอยากให้รู้ว่ามีข้อมูลหลุดอยู่จริงจึงได้ทำไป นอกจากนี้ที่ภายหลังทราบว่าถูกออกหมายจับได้หลบหนีไปที่บ้านเกิดที่จ.เชียงราย ในส่วนของคอมพิวเตอร์ยังคงอยู่ในห้องเก็บของในห้องพัก อย่างไรก็ตามหลังจากที่ไปกบดานที่บ้านพักทางต้นสังกัดได้ประสานให้มารายงานตัว ก่อนจะเข้ามามอบตัวกับทางตำรวจ ซึ่งไม่ทราบว่าก่อนว่าถูกพักราชการ

อีกทั้งรายงานข่าวยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้นำตัว จ.ส.ท.เขมรัตน์ ไปตรวจค้นที่แฟลตโรงเรียนทหารขนส่ง กรมการขนส่งทหารบก จากการตรวจค้นห้องพักเลขที่ 133/43 อาคาร 10 ชั้น 7 ซึ่งเป็นที่พักของ จ.ส.ท. เขมรัตน์ พบฮาร์ดดิส 7 ตัว , อุปกรณ์ซ่อมคอม อาทิ สายไฟ อะไหล่คอมพิวเตอร์,แม๊คบุ๊ค เป็นต้น

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"รมช.กลาโหม" ลงพื้นที่ชายแดนใต้ เรียกถกคลี่คลายเหตุรุนแรง ย้ำรัฐบาลห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม ปรับรูปแบบกำลังพล ทำงานเข้มงวด
เหิมหนัก โจรใต้ลอบวางระเบิด "ทหารช่าง" ยะลา บาดเจ็บ 2 นาย
สืบสวนสัตหีบ รวบ เพรช ตีนแมว หลังขโมยรูปหล่อเสด็จเตี่ยหน้าโรงพักสัตหีบ และ พบประวัติก่อเหตุทั่วสัตหีบ
พิรุธ! 11 บริษัท ส่งออก "ปลาหมอคางดำ" แต่ไม่เคยขออนุญาตนำเข้า
บทพิสูจน์ การบังคับใช้กฎหมาย ก่อนเปิด "กาสิโน" หวยออนไลน์ ลามใช้เด็กและความอ่อนไหว "สถาบันครอบครัว" โฆษณา
กรมโยธาฯ แจงเหตุโครงการเขื่อนป้องกันชายฝั่งทะเล ประจวบคีรีขันธ์ ชำรุดเสียหาย
สระแก้ว ระทึก เพลิงไหม้โกดังสินค้าตู้แช่มือสอง กลุ่มควันลอยปกคลุมเมืองสระแก้วกว่า 10 กม.
“อนุทิน” ย้ำจุดยืน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ” พรรคร่วมต้องเป็นหนึ่ง หนุนทำประชามติ ฟังเสียงประชาชน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ฮ่องกงแข่งปีน 'ภูเขาซาลาเปา'
"พรรคส้ม" ออกแถลงการณ์ด่วน ผู้สมัคร สท.สมุทรปราการ โดนจับตั้งแก๊ง "บุญรักษา" ค้ายาเสพติดรายใหญ่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น