เคลื่อนไหวล่าสุด ก๋วยเตี๋ยว “เลอรส” แจงชัด ๆ หลังอย.ตรวจพบจุลินทรีย์เกินมาตรฐาน วอนขอโอกาส

กรณีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อย. ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูล ผลการส่งตรวจวิเคราะห์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งพบว่า เครื่องปรุงที่บรรจุในซองก๋วยเตี๋ยวเลอรส มีการปนเปื้อน จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค Bacillus cereus (ทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ) เท่ากับ 6,600 CFU/กรัม ซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 416) พ.ศ. 2563 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ที่กำหนดให้มี Bacillus cereus ในเครื่องปรุงที่บรรจุอยู่ในภาชนะบรรจุ ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ บะหมี่ เส้นหมี่ และวุ้นเส้น ได้ไม่เกิน 1,000 CFU/กรัม จึงจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน พร้อมแนะนำประชาชนให้หยุดบริโภค

ล่าสุด วันนี้ (6 เม.ย. )เวลา 11.00 น. คุณพรภิชญา โพธิ์ทอง เจ้าของก๋วยเตี๋ยวเรือกึ่งสำเร็จรูปเลอรส ได้ออกมาชี้แจง ในเรื่องที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า สินค้าลอตที่มีการตรวจพบเชื้อเป็นลอตของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2566 ซึ่งถูกอายัดไว้แล้ว เนื่องจาก สลากของซองมีการพิมพ์ผิด เลยมีการตรวจเชื้อประจำปี โดยสินค้าในลอตดังกล่าว ตรวจพบเฉพาะประเภทเส้นเล็ก เจอในซองเครื่องปรุง เบื้องต้น ได้มีการอายัดสินค้าไว้ สินค้าในลอตวันนั้นผลิตเพียง 12,000 ซอง ส่งออก 2,200 ซอง อย.อายัด 8,800 ซอง ยอมรับว่า ยังเรียกเก็บคืนไม่ครบ เพราะมีลูกค้าบางคนที่ไม่ยอมคืน แต่ถ้าต้มในอุณหภูมิเกิน 55 องศา ยังไงเชื้อมันก็ตาย เบื้องต้นได้มีการเรียกเก็บคืนจากตลาดและที่เหลือไม่ได้นำออกจำหน่ายยังอยู่ที่โรงงาน

ข่าวที่น่าสนใจ

พอผลตรวจเชื้อออกมาว่าพบเชื้อ บาซิลลัสซีเรียส คือเชื้อที่ทำให้ท้องเสีย ซึ่งเชื้อตัวนี้สามารถพบได้ในรอบตัว จากดิน น้ำ อากาศ อาหารการกินต่างๆ ขณะที่อาหารกึ่งสำเร็จรูปมันจะต้องมีเชื้อแต่อยู่ในการควบคุมห้ามเกินกฎกำหนดของทางอย. หลังจากที่เจอเชื้อเราได้ทำการแก้ไขและผลิตในวันถัดไปและส่งตรวจเข้าแลปว่า ผลิตภัณฑ์ยังเจอเชื้ออยู่หรือไม่

นอกจากนี้ คุณพรภิชญา ยังมีการโชว์เอกสาร สินค้า ลอตวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งมีการส่งตรวจตามสถาบันที่มีการรับรองจากอย.ว่า ไม่พบเชื้อ โดยมีการตรวจทั้งเส้นและในเครื่องปรุง โดยหลังเป็นข่าว ได้มีการเก็บส่งตรวจทุกเดือน ปรากฏว่า ไม่พบเชื้อ กระทั่งลอตล่าสุดวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ไม่พบเชื้อ จึงอยากให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าสินค้าลอตอื่นๆที่อยู่ตามท้องตลาดปลอดภัยไม่มีเชื้อบาซิลลัสซีเรียสแน่นอน สามารถทานได้ตามปกติไม่เป็นอันตรายใดๆ และสารดังกล่าวไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็งอย่างที่เป็นกระแส แต่ทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้

เบื้องต้นไม่ได้โดนถอดเลข อย.ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด และถ้าหากผู้บริโภคมีอาการท้องเสีย จากการบริโภคสินค้าดังกล่าว ก็พร้อมที่จะจ่ายและรับผิดชอบเต็มที่ จึงขอพื้นที่ให้ได้ทำมาหากิน ส่วนการสร้างความเชื่อมั่น มีการตรวจสอบมาตรฐานวัตถุดิบเข้มงวดมากขึ้น และมีการส่งตรวจเป็นประจำทุกเดือน พร้อมทิ้งท้ายว่า ไม่อยากให้พุ่งประเด็นมา ที่แบรนด์ของเราเพียงแบรนด์เดียว เพราะมีหลายแบรนด์ที่ขายในลักษณะเดียวกันอยากจะให้ตรวจสอบด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง