พ่อเฒ่าเมืองคอนวัย 76 พิการตาบอดร้องสื่อถูกเพื่อนบ้านปิดเส้นทางเข้าออก

พ่อเฒ่าเมืองคอนพิการตาบอดร้องสื่อถูกเพื่อนบ้านปิดเส้นทางเข้าออก-แฉเบื้องหลังผลประโยชน์เหมาซื้อมังคุดและผลไม้ในสวน-ส่วนคู่กรณียืนยันเส้นทางส่วนบุคคลยังเปิดให้เข้าออกได้ตามปกติ แต่ช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิดให้จอดรถยนต์ไว้ข้างนอกและเดินเท้าเข้าไประยะทาง 500 เมตร แทนเท่านั้น

วันที่ 10 ส.ค. 2564 นายวิเชียร บุญประดิษฐ์ หรือ “หมอบูรณ์” อายุ 76 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 1 ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตา (ตาบอด) ปัจจุบันมีอาชีพหมอดูและหมอนวด ที่มีชื่อเสียงโดยมีผู้เข้ามารับการรักษาอาการป่วยอย่างต่อเนื่อง และทำสวนผลไม้แบบ “สวนสมรม” ก่อนที่จะเป็นผู้พิการ พร้อมธนาวุฒิ บุญเชนทร์ ทนายความชื่อดังได้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช กรณีถูกเพื่อนบ้านปิดทางเข้าออกจนได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะผลไม้ในสวนไม่สามารถนำออกจำหน่ายสู่ตลาดได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.ช้างกลาง และร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอช้างกลาง แต่เรื่องก็เงียบหายไม่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือใด ๆ  ต่อมาในวันนี้ (10 ส.ค.) คณะผู้สื่อข่าวจึงเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายยุทธนา ทิพย์สุราษฏร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านนา ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช นำคณะลงตรวจสอบพื้นที่พบว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ ยาว 500 เมตร ปากทางเข้าด้านหน้าติดถนนใหญ่เลียบกำแพงวัดคีรีวรรณา (วัดบ้านนา) และแยกลงขวามือใกล้เมรุวัด ปากทางเข้ามีป้ายขนาด 25×40 ซ.ม.ในปัจจุบันตกลงมากองอยู่บนพื้นมีระบุข้อความว่า “ใครมีธุระบ้านหมอบูรณ์ ให้จอดรถไว้ด้านนอกแล้วเดินเข้าไป ทางส่วนบุคคล” ซึ่งเส้นทางเดินจะผ่านหน้าบ้านและที่ดินของชาวบ้าน 5-6 หลัง จนไปสิ้นสุดที่บ้านหลังสุดท้ายคือบ้านของนายวิเชียร บุญประดิษฐ์ หรือ “หมอบูรณ์” ผู้ร้อง

นายสุบิณ และนางมาลี สงอาจินต์ สองสามีภรรยา เจ้าของที่ดินเจ้าแรกที่เป็นผู้เขียนป้ายข้อความดังกล่าวไปติดไว้ตรงปากทางเข้า กล่าวว่า ที่ดินทางเดินเป็นที่ดินส่วนบุคคลซึ่งอนุญาติให้เพื่อนบ้านผ่านมานานแล้วตั้งแต่สมัยคุณพ่อ จนกระทั้งที่ดินตกทอดมาถึงรุ่นตน และนายวิเชียร หรือ “หมอบูรณ์” ได้เข้ามาซื้อที่ดินด้านในสุด ในแต่ละวันจะมีผู้คนจากต่างถิ่นเดินทางมาหาหมอบูรณ์นับสิบรายเพื่อดูหมอและนวดจับเส้น ส่งผลกระทบกับครอบครัวของตนและเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ เป็นอย่างมากเนื่องจากเส้นทางดังกล่าวผ่านหน้าบ้านมีเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นพันพลุกพล่านเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุโดนรถชนได้ ประกอบกับในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดตนและเพื่อนบ้านรายอื่น ๆ กลัวว่าคนที่มาจากต่างพื้นที่เดินทางมาดูหมอและให้หมดบูรณ์นวดจับเส้น อาจจะนำเชื้อโรคโควิดเข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ก็เป็นได้ ตนจึงเขียนป้ายมาติดขอให้คนที่จะขับรถยนต์เข้าไปยังบ้านหมอบูรณ์ ให้จอดรถไว้ด้านนอกบริเวณลานพื้นปูนหน้าเมรุวัดคีรีวรรณา จึงค่อยเดินเท้าเข้าไป  “ตนไม่ได้ปิดตายเส้นทางยังอนุญาตให้ทุกคนเข้าออกได้ตามปกติ รวมทั้งรถ จยย.ก็เข้าออกได้เพียงแต่ขอร้องไม่ให้นำรถยนต์เข้าไปเท่านั้น ซึ่งเส้นทางที่ผ่านหน้าบ้านของตนและเพื่อนบ้านอีก 4-5 รายเป็นที่ดินส่วนบุคคลไม่ได้มอบให้เป็นถนนสาธารณะแต่อย่างใด โดยตนและเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ จะปิดตายก็เป็นสิทธิ์ของตนแต่ตนก็ไม่ได้ปิดเส้นทางเพียงแต่อยากจะขอร้องอย่าขับรถยนต์ผ่านเข้าไปเท่านั้น แต่ทราบว่าหมอบูรณ์โวยวายและร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม สื่อมวลชนและแจ้งความกันแบบนี้ตนจะพิจารณาปิดตายเส้นทางที่ผ่านบ้านและที่ดินของตนก็ได้”

นางมาลี กล่าวอีกว่า ตนพร้อมจะมอบที่ดินกว้าง 3 เมตรตลอดแนวเขตแดนที่ดินของตนให้และตนได้เรียนแจ้งให้นายยุทธนา ทิพย์สุราษฏร์ ผู้ใหญ่บ้านทราบแล้ว และทราบว่าเพื่อนบ้านรายอื่น ๆ ก็พร้อมจะมอบที่ดินริมแนวเขตให้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ทางราชการทำเส้นทางหรือถนนสาธารณะแทนเส้นทางเดิมที่ผ่านหน้าบ้านของตนและของเพื่อนบ้าน แต่ทางราชการกลับไม่ดำเนินการใด ๆ  ทางด้านนายวิเชียร หรือ“หมอบูรณ์” ผู้ร้องกล่าวว่า ได้ที่ดินแปลงดังกล่าวมาโดยการซื้อขายมาจากนายสุข ประจำ เมื่อปี 2542 และสร้างบ้านพักอาศัยและทำสวน “สมรม” ปลูกผลไม้หลายชนิดทั้งมังคุด ลองกอง จำปาดะ มะพร้าว ในที่ดินดังกล่าว โดยที่ผ่านมาได้ใช้เส้นทางดังกล่าวซึ่งกว้างประมาณ 3 เมตรรถยนต์สามารถสัญจรเข้าออกได้มาตลอดกว่า 20 ปี จนกระทั่งต้นปี 2564 นายสุบิณ และนางมาลี เจ้าของบ้านและที่ดินแปลงหน้าสุดติดถนนใหญ่มาปิดป้ายห้ามเข้าออก ส่วนนายสุบิณ นางมาลี สองผัวเมียอ้างว่าแค่ไม่ให้รถยนต์เข้าเท่านั้น ยังสามารถเดินเท้าหรือใช้รถ จยย.เข้าออกได้ตามปกตินั้นไม่เป็นความจริง เพราะเขาห้ามเฉพาะรถยนต์ที่จะเข้ามาบ้านของตนเท่านั้น ส่วนที่เข้าออกบ้านอื่น ๆ ก่อนถึงบ้านตนเข้าได้ตามปกติ  “เขาต้องการจะกลั่นแกล้งตนเป็นการเฉพาะ โดยมีสาเหตุมาจากทุกปีนายสุบิณ นางมาลี และคนสินท จะเป็นผู้มาเหมาซื้อผลไม้ในสวนของตน จนในปีนี้จะเหมาซื้อผลไม้ของตนทั้งสวนในราคา 8,000 บาท แต่ตนทราบว่าเขานำไปขายต่อได้กำไรเยอะจึงขอเพิ่มอีก 3,000 บาทเป็น 11,000 บาท เขาไม่ยอมตนจึงให้คนอื่นเหมาซื้อแทน 11,000 บาท สองผัวเมียไม่พอใจจึงขึ้นป้ายปิดเส้นทางห้ามไม่ให้รถยนต์เข้ามาบ้านของตน ทำให้ผู้ที่จะมาซื้อผลไม้ของตนเข้ามาเก็บเกี่ยวและบรรทุกผลไม้ไม่ได้ ในขณะนี้มังคุด ลองกองและจำปาดะในสวนของตนเน่าเสียทิ้งสูญเปล่า แทนที่ตนจะมีรายได้บ้างก็ไม่ได้ นอกจากนี้คนที่จะมาดูหมอและนวดจับเส้นกับตนก็เข้ามาไม่ได้ ทำให้ตนขาดรายได้ ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาอยู่ได้ด้วยเบี้ยยังชีพผู้พิการ ผู้สูงอายุเท่านั้น ตนขอแจ้งผู้ใหญ่บ้านและนักข่าวไว้ก่อนเลยว่าหากตนเป็นอะไรไป หรือผลไม้และทรัพย์สินอื่น ๆ ของตนสูญหายไม่มีใครจะต้องเป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน

นายธนาวุฒิ บุญเชนทร์ กล่าวว่า ตนได้รับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจึงรู้สึกสงสารนายวิเชียร หรือ “หมอบูรณ์” ที่แก่ชราและยังพิการตาบอด โดยตาข้างหนึ่งมองเห็นลาง ๆ ตนจึงพยายามที่จะเข้าไปเคลียร์ช่วยเหลือให้สามารถเข้าออกเส้นทางได้ตามปกติ แต่หากไม่สามรถเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ตนจะรวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้องศาลเพราะเส้นทางนี้มีการใช้เข้าออกมานานร่วม 20 ปีแล้วเป็นภาวะจำยอมเพื่อให้พิจารณาพิพากษาเปิดทางเข้าออกบ้านของนายวิเชียร หรือหมอบูรณ์ ได้เหมือนเดิมต่อไป ในขณะที่นายยุทธนา ทิพย์สุราษฏร์ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ดูเหมือนว่าเรื่องนี้แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ตนจึงเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ยให้ยุติปัญหาทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ นายสุบิณ นางมาลี เจ้าของที่ดินเขายืนยันไม่อนุญาติให้รถยนต์ผ่านเข้าออก และเขาพร้อมจะมอบที่ดินแนวเขตให้ทางราชการทำทางหรือถนนสาธารณะแทนเส้นทางเดิม อย่างไรก็ตามตนได้นำนายวิเชียรหรือหมอบูรณ์ ไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอช้างกลาง และทราบว่านายวิเชียร หรือหมอบูรณ์ ยังได้เข้าแจ้งความกับพนักวานสอบสวน สภ.ช้างกลางอีกด้วย ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ส่วนสาเหตุหรือต้นตอของปัญหามาจากเรื่องการเหมาซื้อขายมังคุดและผลไม้ในสวนของนายวิเชียร หรือ “หมอบูรณ์” ที่นายสุบิณ และนางมาลี ต้องการเหมาซื้อ 8,000 บาท แต่หมอบูรณ์ต้องการ 11,000 บาทและได้ให้ผู้ซื้อรายอื่นมาเหมาซื้อแทนจนกลายมาเป็นความบาดหมางกันนั้น เรื่องนี้ตนไม่ทราบมาก่อน.

ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ศิริโชค" โพสต์ระทึก รถยนต์ไฟฟ้า EV จอดหน้าบ้าน ไฟลุกท่วมเสียหายทั้งคัน เตือนระวังถึงไม่ได้ชาร์จยังเกิดได้
"อุตุฯ" เตือน "เหนือ-อีสาน-ตะวันออก" รับมือฝนตกหนัก กทม.โดนฝนร้อยละ 70 ของพื้นที่
จนท.สนธิกำลัง จับกุมผู้กระทำผิด 3 ราย ทลายแก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ ส่งขายต่างประเทศ 
"แคร์บิว" ร่วมเสริมภูมิคุ้มกันทางความคิด เยาวชนภาคเหนือ สู้ภัยพนันออนไลน์
"GLO" จัด Kid Dee Roadshow ภาคเหนือ เสริมพลังคนรุ่นใหม่รู้เท่าทันภัยพนันออนไลน์
“ภูมิธรรม” ชี้ชายแดนไทย-กัมพูชายังตึงเครียด ยันยึดมาตรการตามเดิม ไม่มีผ่อนปรนเข้า-ออก ข้ามแดน
"บิ๊กเล็ก" แจงเข้าใจคลาดเคลื่อน ยันคุยทางออกขัดแย้งกัมพูชา ไม่ได้หมายถึง "เตีย เซียฮา" ขอเชื่อมั่น ไว้ใจนำสงบสุขกลับคืน
"อ.ไชยันต์" ซัด "ไอติม พริษฐ์" อ้างเหตุปชน.ไม่ร่วมยื่นซักฟอก "นายกอิ๊งค์" ทำปชช.เสียโอกาส สวนเจ็บ รัฐสภาอังกฤษ เขียนชัด จริยธรรมนักการเมือง อย่าทำไม่รู้เห็น 
ปั๊มน้ำมันระเบิดดังสนั่นทั่วกรุงโรมของอิตาลี
"โฆษกทบ." แจงเหตุ "ทหารพรานไทย" ปะทะคารม "ทหารกัมพูชา" จุดชมวิวภูผี ไม่ถึงขั้นรุนแรง ย้ำต่างฝ่ายต่างยึดข้อตกลง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น