"โพรงต้นไม้ใหญ่" หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ โพสต์เรื่องราวเตือนประชาชน ระวังเดินเข้าชมโพรงต้นไม้ใหญ่ เสี่ยงรับเชื้อราฮิสโตพลาสมา ล่าสุดป่วยแล้ว 10 ราย
ข่าวที่น่าสนใจ
สืบเนื่องจากทางด้าน นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และเป็นประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย ได้ระบุเรื่องราวผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ว่า มีกลุ่มทริปท่องเที่ยวทริปหนึ่ง ได้เดินเข้าไปชมในโพรงต้นช้างม่วง สุดท้ายได้รับเชื้อราฮิสโตพลาสมา บางคนพบฝ้าที่ปอดน้อยมาก แต่บางคนปอดทั้งสองข้างเกิดฝ้ากระจายไปทั่ว นั่นเอง (ติดตามเรื่องราวทั้งหมดในตอนแรก : คลิกที่นี่)
หลังจากนั้น นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ ก็ได้อธิบายเรื่องราวนี้เพิ่มเติมว่า และเป็นประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย เชื้อราฮิสโตพลาสมามีในประเทศไทยมานานแล้วแต่ค่อนข้างพบผู้ป่วยน้อย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีคนเข้าไปในโพรงต้นไม้แล้วได้รับเชื้อนี้ ผมจึงต้องออกมาให้ความรู้กับประชาชนว่า เชื้อราฮิสโตพลาสมามีอยู่ในมูลของค้างคาวและนกบางชนิด
ซึ่งเชื้อนี้ไม่ทําให้ค้างคาวป่วย แต่เมื่อค้างคาวขับถ่ายลงมาที่ดิน เวลาคนเข้าไปย่ำดินทําให้สเปอร์ของเชื้อราลอยฟุ้งขึ้นมา แล้วเมื่อเราหายใจเข้าไป เชื้อรานี้ก็จะเข้าไปในปอด จากปอดก็จะกระจายทั่วร่างกาย ที่พบบ่อยคือกระจายไปที่ต่อมหมวกไต ม้าม ตับ และสามารถถึงสมองได้ ถ้าเราไม่รู้หรือรู้ช้า แล้วไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที โดยเฉพาะคนสูงอายุหรือคนที่มีโรคประจําตัวอาจทําให้เสียชีวิตได้ ส่วนคนที่แข็งแรงหรือเด็ก ๆ แม้จะได้รับเชื้อรานี้ร่างกายจะสามารถกําจัดเองได้
จะเห็นได้ว่าหลายคนในทริปนี้ไปหาหมอแล้วเกิดการวินิจฉัยผิด ว่าจุดฝ้าที่ปอดของเด็ก ๆ เป็นวัณโรค ส่วนในผู้ใหญ่เป็นมะเร็งปอด เพราะจุดฝ้าที่ปอดมีลักษณะคล้ายกัน กระทั่งได้รับการรักษาผิด ผมจึงต้องออกมาเตือนประชาชนและต้องให้ความรู้กับแพทย์ รวมถึงห้องปฏิบัติการ นักเทคนิคการแพทย์ เพื่อให้ทราบว่าเชื้อราฮิสโตพลาสมามีจริง เราสามารถเจอได้และเราต้องคิดถึงมัน
สําหรับการวินิจฉัยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างหนึ่งในผู้ที่ได้รับเชื้อในทริปนี้ หมอใช้วิธีนําเลือดและปัสสาวะไปตรวจหาเชื้อราแล้วไม่เจอ จึงต้องใช้วิธีผ่าตัดนําเนื้อเล็ก ๆ ที่ปอดนําไปเพาะเชื้อในห้องทดลอง ผลออกมาแบบมีหลักฐานทางการแพทย์ชัดเจนว่า ติดเชื้อราฮิสโตพลาสมา พอทราบผลจึงให้คนที่เข้าไปในโพรงต้นไม้ประมาณ 10 คนมาตรวจ
บางคนไม่มีอาการเลย แต่คนที่มีอายุน้อย หรือมีโรคประจําตัวจะมีอาการไอ เป็นไข้ แล้วผลเอ็กซเรย์ของเด็กจะพบจุดฝ้าขนาดเล็ก ขณะที่จุดในปอดผู้ใหญ่ จะใหญ่กว่า แต่ที่เหมือนกันคือมันกระจายอยู่ทั่วปอด ผมเชื่อว่าทุกคนที่เข้าไปในโพรงต้นไม้นั้นติดเชื้อราฮิสโตพลาสมา แต่บางคนร่างกายแข็งแรงและอายุยังน้อยร่างกายจะสามารถฆ่าเชื้อราได้ แต่ถ้าใครอ่อนแอเชื้อราก็จะแตกตัวและเติบโตไปทั่วร่างกาย ซึ่งไม่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คน แต่จะกระจายไปทุกส่วนของร่างกาย
หลังจากที่ผมโพสต์ลงเฟซบุ๊ก (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) มีคุณหมอบางท่านเห็นโพสนี้แล้วมาแชร์ประสบการณ์ว่าเคยเจอเคสคล้าย ๆ อย่างนี้ แต่วินิจฉัยไม่ถูก ไม่ทราบว่าเป็นอะไร แล้วหลังจากเราได้ทราบผลชิ้นเนื้อจากปอดว่า เป็นเชื้อราฮิสโตพลาสโมซิส เราต้องการที่จะทราบลึกลงไปอีกด้วยการตรวจหารหัสพันธุกรรมว่า เชื้อรานี้มีความแตกต่างด้านสปีชีส์จากประเทศอื่น ๆ อย่างไร
ก่อนหน้านี้ผมเคยเจอคนไข้ที่เลี้ยงนกไว้ที่บ้านให้อาหารทุกวัน แล้วมีอาการไอจนหายใจไม่ออก พอเอ็กซเรย์แล้วเหมือนมีก้อนอยู่ที่ต่อมหมวกไต ผมสันนิษฐานว่าได้รับเชื้อฮิสโตพลาสมา สําหรับยารักษาโรคเชื้อรานี้กินแล้วหายแน่นอนแต่ต้องใช้เวลา อย่างเคสคนที่เลี้ยงนกในบ้าน กินยาเกือบ 2 ปี ปอดจึงค่อย ๆ ดีขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC
ข่าวที่เกี่ยวข้อง