นักวิจัยยืนยันผลการศึกษา- การปล่อยนำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะของญี่ปุ่นลงทะเล จะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อน่านน้ำของเกาหลีใต้
จากกรณีที่ญี่ปุ่นเตรียมปล่อยน้ำจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ จากเตาปฏิกรณ์ที่เสียหายลงสู่ทะล ในช่วงเดือนมีนาคม-สิงหาคมในปีนี้ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งจีนและเกาหลีใต้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาสมุทรแห่งเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยผลการศึกษาที่พบว่า ระดับกัมมันตรังสีในน้ำนั้น น้อยมากเกินกว่าจะตรวจจับได้
โดยผลการศึกษาแบบจำลอง ที่จัดทำโดยสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาสมุทร ร่วมกับสถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูแห่งเกาหลีใต้แสดงให้เห็นว่า ระดับความเข้มข้นของทริเทียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบกัมมันตภาพรังสีของไฮโดรเจน จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.001 เบคเคอเรลต่อลูกบาศก์เมตรใน 10 ปี เทียบกับค่าเฉลี่ย 172 เบคเคอเรล ต่อลูกบาศก์เมตรของค่าที่พบในน่านน้ำเกาหลี ทั้งนี้เบคเคอเรลคือหน่วยวัดของกัมมันตภาพรังสี
ซึ่งญี่ปุ่นได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่า หน่วยงานกำกับดูแลยืนยันว่า น้ำเสียที่จะปล่อยนั้นปลอดภัย เนื่องจากสารกัมมันตรังสีส่วนใหญ่นั้นถูกกรองออก จะคงเหลือแต่ทริเทียมเท่านั้น ซึ่งยากที่จะแยกออกจากน้ำได้
สำหรับความกังวลต่อกรณีดังกล่าวในเกาหลีใต้นั้น เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2021ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้ในขณะนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สำรวจความเป็นไปได้ในการยื่นคำร้องต่อศาลระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการตัดสินใจของญี่ปุ่นที่ปล่อยน้ำปนเปื้อนลงสู่ทะเล ท่ามกลางการประท้วงจากกลุ่มประมงและสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ดีเมื่อผลการศึกษาว่าน้ำปลอดภัยเพียงพอออกมา เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ไมโครนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศเกาะแปซิฟิก หนึ่งในผู้วิจารณ์การตัดสินใจของญี่ปุ่นอย่างรุนแรงที่สุด กล่าวว่า พวกเขาไม่กังวลเกี่ยวกับแผนดังกล่าวอีกต่อไป
ทั้งนี้สถานีโรงไฟฟ้า ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ และสึนามิ ในเดือนมีนาคม 2011 ทำให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 เครื่องเสียหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงจำต้องใช้น้ำมากกว่า 1 ล้านตัน ในการหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ ซึ่งมีปริมาณที่สามารถเพียงพอ ที่จะเติมสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิกได้ประมาณ 500 สระ โดยน้ำเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในถังขนาดใหญ่ที่โรงงาน และกำลังจะเต็มความจุ จึงจำเป็นจะต้องหาทางปล่อยลงทะเลในเร็วๆนี้