“หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม”

รงค์ แกนนำสายใต้เสนอแคมเปญลุยเลือกตั้งเที่ยวหน้า ต้องการเอาใจลุงป้อมหรือเสนอทางออกให้รัฐบาลกับพลังประชารัฐ การเมืองผิดเวลาเสมือนเสียงที่ไม่ได้ยิน  แกนนำพลังประชารัฐแบ่งรับแบ่งสู้  ชัยวุฒิระบุพรรคยังไม่รู้เรื่อง ด้านสุชาติรัฐมนตรีสายตึกไทยปัดแค่ความคิดส่วนตัวของคนเดียว   บิ๊กตู่ไม่ว่อกแว่กพุ่งสมาธิแก้ไขความเดือดร้อนให้คนไทยลุยซับน้ำตาพื้นที่น้ำท่วม  ไม่คุยการเมืองไม่ตอบเรื่องปรับครม.ไม่พูดอนาคตตัวเอง  ชั่วโมงนี้ขอลุยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านก่อน

อนาคตของพรรคพลังประชารัฐ  อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าต้องขึ้นอยู่กับว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จะเอาอย่างไรด้วย  อย่าลืมว่าผลการเลือกตั้งคราวก่อนเมื่อ 24 มี.ค.2562 ที่พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงทั่วประเทศถล่มทลายถึง 8,452,634 คะแนน กวาดส.ส.ไป 116 คน  ส.ส.เขต 97 คน บัญชีรายชื่อ 19 คน   ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล  ส่วนใหญ่เหตุผลสำคัญก็เพราะคนไทยเทใจอยากให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯรักพล.อ.ประยุทธ์เป็นต้นทุน คะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐเริ่มพุ่งพรวดขึ้นมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งทั้งๆที่เพิ่งตั้งพรรคได้ไม่นาน   มาเที่ยวนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ยอมแบไต๋ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้   หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนับวันแรกของการทำหน้าที่นายกฯเริ่มต้นตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเริ่มประกาศใช้คือ  6 เม.ย. 2560  เพราะฉะนั้นบิ๊กตู่เหลือเวลาเป็นนายกฯได้อีก 2 ปีเศษ ก่อนจะครบกำหนด 8 ปีตามรัฐธรรมนูญ  ประเด็นนี้จึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตัดสินใจและเปิดเผยกับสาธารณะชนว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตในอนาคต จะเล่นการเมืองต่อหรือพอแค่นี้แล้วกลับบ้าน

กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตัดสินใจทางการเมือง พลอยทำให้บรรดาส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐหลายคนอึดอัดใจ  เพราะเดาอนาคตของพรรคไม่ถูกเหมือนกันว่าจะไปในทิศทางไหน ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้จะมีส.ส.หลายคนของพรรคเรียกร้องให้พี่น้อง “ 2 ป.” บูรพาพยัคฆ์ที่เป็นผู้นำรัฐบาลกับผู้นำพรรคแกนนำรัฐบาลอันดับ 1 คือ บิ๊กตู่กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคุยกันเสียทีว่าจะเอาอย่างไร เพราะปล่อยไว้นานไปมีแต่จะทำให้เกิดสุญญากาศในพรรค  จะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยหลังก็ลำบาก  อย่างที่รู้ว่าพรรคพลังประชารัฐคะแนนตกต่ำถอยหลังลงไปมาก โดยเฉพาะหลังเกิดปัญหาคาราคาซังกรณี “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีตเลขาธิการพรรค ที่เล่นการเมืองใฝ่สูงเกินตัวถึงขั้นคิดล้มนายกฯ จนถูกขับออกจากการเป็นรัฐมนตรี  แต่ก็ยังไม่หยุดยังตั้งแง่ก่อกวนรัฐบาลเลื่อยขาพล.อ.ประยุทธ์  จนที่สุดก็แพ้ภัยตัวเอง  หลังถูกอัปเปหิพร้อมพวกรวม 21 คนออกจากพรรคพลังประชารัฐ  เหตุการณ์ทั้งหลายทั้งมวลในตอนนั้นส่งผลทำให้พรรคพลังประชารัฐถูกมองว่าขาดเอกภาพไร้ความสามัคคี เป็นพรรคเฉพาะกิจรวมตัวกันเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง  ส่งผลทำให้ความนิยมตกต่ำในสายตาประชาชน  ถึงขนาดถูกพรรคใบเขียวสายสีน้ำเงินของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศเป็นขั้วการเมืองใหม่เป็นผู้นำขั้วตรงข้ามฝ่ายทักษิณไปแล้ว

อย่างไรก็ตามล่าสุด  รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช  หนึ่งในกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ  ออกมาโต้เรื่องพรรคเสื่อมทรุด โดยยืนกรานพรรคพลังประชารัฐเก็บตัวซุ่มเงียบ  มีคนแห่สมัครขอลงส.ส.จนล้น  ส่วนกระแสที่มองว่าพรรคตกต่ำเป็นเพราะการวิจารณ์กันไปเอง จริงอยู่อาจมีคนเบื่อบ้างเพราะอยู่นาน   แต่คนที่ชอบก็มีมหาศาล  เพราะชื่นชอบนโยบายสวัสดิการ โครงการประชารัฐต่างๆ  โดยเฉพาะคนใต้ยังเชื่อมั่นศรัทธาในตัวพล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ เพราะคนใต้รักสถาบันเหมือนพล.อ.ประยุทธ์ที่เด่นชัดในเรื่องนี้   นายกฯจึงยังเป็นที่นิยมศรัทธาของชาวใต้  ทั้งนี้มั่นใจว่าเป้าหมายเลือกตั้งคราวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะได้ส.ส.ภาคใต้มากกว่าเดิมคือประมาณ 20 คน (13 คน)  และทั่วประเทศจะได้ส.ส. 150 คน ( 116 คน )

แต่ที่รงค์พูดแล้วทำให้เป็นประเด็นคือการชูม็อตโต้ออกแคมเปญในการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคพลังประชารัฐด้วยวลีที่ว่า  “หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม”  ที่พรรคยืนกรานสามารถบริหารประเทศ 4 ปี ด้วยรูปแบบนายกฯ 2 คนได้   โดย 2 ปีแรกจะมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ  หลังจากนั้นเมื่อบิ๊กตู่อยู่ครบวาระ 8 ปี  เวลาที่เหลือก็จะให้ลุงป้อมขึ้นมาบริหารประเทศแทน       “ เรากำลังพัฒนาพรรคให้เป็นพรรคต่อเนื่อง ไม่ใช่ผูกติดกับ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเดียว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้แค่ 2 ปี    2 ปีหลังเราก็ต้องมีตัวแทนขึ้นมาให้พรรคมีความต่อเนื่อง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ได้ 2 ปี เราก็ต้องมีกลไกที่จะอธิบายได้  หมดที่ลุงตู่ สู่ลุงป้อม ก็ได้ ไม่ได้เป็นปัญหาในการรับช่วงทางการเมืองภายใต้การเลือกตั้งของประชาชน ทั้งนี้ เพื่ออธิบายให้ประชาชนเห็นว่าเราพร้อมบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตย 2 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นปัญหา” รงค์แจกแจง

แต่งานนี้ดูเหมือนข้อเสนอของรงค์ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร เพราะแกนนำหลายคนไม่ได้รับลูกในเรื่องนี้  โดย “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเรื่องนี้ในเชิงแบ่งรับแบ่งสู้ว่า แกนนำพรรคยังไม่ได้มีการคุยกัน เรื่องแบบนี้ต้องมีการคุยกันก่อน    “ผมยังไม่รู้ว่าใครพูดเลย เพราะยังไม่เคยได้ยิน ส่วนจะเป็นสมาชิกพรรคที่เสนอความเห็นออกมาหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ เพราะพรรคการเมืองและนักการเมืองมีหลายคนสามารถที่จะแสดงความเห็นได้ ทุกคนก็แสดงความคิดเห็นไปต่างๆนานา ก็แล้วแต่ เป็นความคิดที่แตกต่างหลากหลาย แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรคและผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะพูดคุยกัน ซึ่งผมคิดว่ายังไม่ได้ข้อสรุป แล้วยังไม่เห็นเรื่องนี้เลย” ชัยวุฒิระบุ

ฝ่าย “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐให้ความเห็นในทำนองแค่ความคิส่วนตัวของส.ส.เพียงคนเดียว “ ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นการพูดกันเองหรือไม่ ยืนยันว่าพรรคยังไม่มีการพูดเรื่องนี้”  เสี่ยเฮ้งยัน  ชัดเจนว่าท่าทีของบ้านใหม่ชลบุรีอย่างเสี่ยเฮ้งอ่านเกมส์เจ้านายอย่างบิ๊กตู่ขาดสุดๆ เพราะเป็นรมต.สายตึกไทยคู่ฟ้า ขุนพลคู่กายของบิ๊กตู่  ที่ประกาศตัวชัดเจนนายกฯไปที่ไหนเสี่ยเฮ้งอยู่ที่นั้น  หลังหูตาสว่างจาการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวก่อนที่ถูกก๊วนธรรมนัสกับส.ส.สายปากน้ำเล่นงานจนอ่วมอรทัยระหว่างศึกซักฟอกล่าสุด ชนิดลุงป้อมไม่คิดปกป้องห้ามปรามแถมให้ท้ายฝ่ายตรงข้ามออีก  แค่นี้สุชาติก็รู้ว่าควรอยู่กับ “ใคร” และยอม “ตาย” เพื่อใคร  ไม่แปลกที่ช่วงหลังจะเห็นเสี่ยเฮ้งเฟดตัวเองออกจากลุงป้อมมาตามบิ๊กตู่แบบชัดเจน ชนิดเปิดหน้าให้รู้กันไปเลยว่าอยู่มุ้ไหนสนับสนุนใคร

รงค์ออกมาเสนอไอเดียเรื่องนี้ด้านหนึ่งต้องการเอาใจลุงป้อมเพราะเป็นก๊วนสายตรงมูลนิธิป่ารอยต่อฯอยู่แล้ว   อีกด้านส.ส.สายใต้ 12 คนก็อยากมีเอี่ยวปรับครม.รอบใหม่ด้วย เพราะรอโควตานี้มาตลอด แต่การออกมาพูดแบบนี้ดูจะไม่ถูกจังหวะเวลาและกาลเทศะ   และอาจไม่ถูกใจบิ๊กตู่เพราะตอนนี้เพ่งสมาธิและโฟกัสทุกอย่างพุ่งตรงไปที่การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนไทยก่อน โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ที่ตอนนี้ยังมีอีกหลายจังหวัดหลายพื้นที่ๆถูกน้ำท่วมนานหลายเดือน   จะเห็นได้ว่าล่าสุดบิ๊กตู่ไม่ตอบคำถามประเด็นการเมืองเรื่อง ขนาดพรรคประชาธิปัตย์พยายามเที่ยวไล้เที่ยวขื่อให้มีการปรับครม.  นายกฯยังออกตัวให้รอก่อนยังไม่ได้คิดเรื่องนี้  จู่ๆจะมาแสดงความเห็นเรื่องอนาคตการเมืองของตัวเองในช่วงที่คนไทยบ้านยังจมน้ำอยู่ค่อนประเทศดูไม่น่าจะใช้สไตล์และบุคลิกของนายกฯ

ล่าสุดวันนี้ 24 ต.ค.ก็นำคณะลงพื้นที่จ.สิงห์บุรี  มีช่วงเวลาให้นักข่าวแหย่ไมค์ถามเรื่องการเมืองประเด็นสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐหรือยัง  บิ๊กตู่ยังตอบกลับมาเป็นเรื่องน้ำท่วม ชัดเจนว่าตอนนี้สมาธิและหัวใจของพล.อ.ประยุทธ์คงโฟกัสแต่เรื่องช่วยเหลือชาวบ้านเรื่องการเมืองไม่อยากจะเอามายุ่งให้รกสมองเพราะยังมีเวลายังรอได้อยู่  ช่วงนี้ก็เล่นสงครามประสาทวัดใจลุงป้อมลองใจส.ส.พรรคพลังประชารัฐในพรรคดูใครจะอยู่จะสู้ตายไปด้วยกันในการเลือกตั้งคราวหน้า  พวกอยากย้ายพรรคก็คงหวาดหวั่น แต่พวกเทใจให้กันรักบิ๊กตู่ก็คงมั่นใจไม่มีปัญหา  การเมืองยังมีเวลาให้คิด ยังพลิกอีกหลายตลบ บิ๊กตู่เป็นนายกฯ มา 8 ปี  จะเดินจะวางเกมแบบไหนคงคิดหน้าคิดหลังถ้วนถี่ คงไม่มีทางปล่อยเวลาให้สูญปล่าวไปอย่างไร้ค่าแน่นอน  จับตาหลังประชุมเอเปค 14-19 พ.ย. การเมืองหลังจากนั้นคงเห็นหน้าเห็นหลังชัดเจนว่าบูรพาพยัคฆ์อย่างพล.อ.ประยุทธ์จะก้าวเดินอย่างไรต่อไป

////////////////

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ธรรมชาติวาดเส้นแบ่ง 'แม่น้ำสองสี' ไหลบรรจบในกานซู่
กลุ่มคนจีนยกพวกรุมทำร้ายเพื่อนบ้านเจ็บ 2 ดอดมอบตัวอ้างปากแจ๋ว เหตุเพราะไรเดอร์ส่งปูราคา 4 พันผิดบ้าน
ชาวบ้าน แตกตื่น พบ “ทารก” ใส่ถุงดำทิ้งริมทาง รีบแจ้ง ตำรวจ กู้ภัยฯ ตรวจสอบที่แท้เป็นตุ๊กตายาง
สงขลา แถลงจัด “Songkhla International Marathon 2025” เปิดศึกวิ่งนานาชาติ
ชาวอำเภอบัวเชด เร่งทำบังเกอร์ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ชายแดน
รมช.คลัง ลงพื้นที่ สมุทรสงคราม เปิดตัวโครงการ "ศุกร์ได้ลุ้น สุขได้ออม กับหวยเกษียณ" หนุนการออมด้วยสลากดิจิทัลใบละ 50 บาท

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​