“เราพบวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพป้องกันสายพันธุ์เดลตาในระดับสูง
โดยการตอบสนองของแอนติบอดีต่อสายพันธุ์เดลตาที่วัคซีนสร้างขึ้น และแอนติบอดีที่ร่างกาย
พัฒนาขึ้นเองหลังการติดเชื้อตามธรรมชาติมีระดับใกล้เคียงกัน” มหาวิทยาลัยฯ
เปิดเผยผ่านเว็บไซต์เมื่อวันจันทร์ (19 ก.ค.)
การศึกษาพบว่าร้อยละ 95 ของผู้ฉีดวัคซีนของซิโนฟาร์มครบโดสพัฒนาแอนติบอดีคล้าย
ผู้ติดเชื้อไวรัสฯ ตามธรรมชาติ อีกทั้งพบว่าวัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน 2 โดส
สร้างแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ในผู้รับร้อยละ 81.25 ใกล้เคียงกับกลุ่มคนที่มี
ประวัติป่วยโรคโควิด-19 ตามธรรมชาติ ทีมวิจัยประกอบด้วยศาสตราจารย์นีลิกา มาลาวิก
นักวิทยาศาสตร์ชาวศรีลังกา หัวหน้าแผนกภูมิคุ้มกันวิทยาและเวชศาสตร์โมเลกุลจาก
มหาวิทยาลัยฯ รวมถึงนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
มาลาวิกเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่าวัคซีนของซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนที่ใช้กันมากที่สุด
ในศรีลังกาขณะนี้ โดยศรีลังกาฉีดวัคซีนของซิโนฟาร์มให้ประชาชนราว 6 ล้าน ล่าสุดยังไม่มีรายงาน
ผลข้างเคียงร้ายแรง มาลาวิกกล่าวว่าการศึกษาข้างต้นเป็นงานวิจัยด้านข้อมูลวัคซีนของซิโนฟาร์ม
ชิ้นแรกที่มีการเผยแพร่ในโลก โดยผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาทุกแง่มุมที่เป็นไปได้ของระบบภูมิคุ้ม
หลังการฉีดวัคซีนตัวนี้ ซึ่งถูกนำไปศึกษาประสิทธิภาพการป้องกันสายพันธุ์อัลฟา, เบตา
ตลอดจนสายพันธุ์ดั้งเดิมด้วย
มาลาวิกระบุว่าร้อยละ 98 ของกลุ่มคนอายุ 20-40 ปีมีการพัฒนาแอนติบอดี ขณะที่
กลุ่มคนอายุมากกว่า 60 ปี มีการพัฒนาแอนตี้บอดี้สูงถึงร้อยละ 93 ซึ่งไม่น่าแปลกใจ
เนื่องจากคนสูงอายุมีแนวโน้มตอบสนองต่อวัคซีนน้อยกว่า ทั้งนี้ มาลาวิกเสริมว่าข้อมูล
นี้ไม่เคยเผยแพร่ในโลกมาก่อน และข้อมูลการใช้งานจริงเช่นนี้มีความสำคัญต่อการสร้าง
ความเชื่อมั่นด้านวัคซีนทั้งในและต่างประเทศ