วันที่22 ก.ค. 2564 ศาสตราจารย์นายแพทย์มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊กเป็นเอกสารผลวิจัยวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หรือ J&J
ศาสตราจารย์นายแพทย์มานพ ระบุว่า เห็นเอกสารนี้ก็เป็นห่วงว่าแผนการจัดหาวัคซีนของไทย อาจต้องพิจารณา J&J วัคซีนใหม่อีกที เพราะวัคซีนเข็มเดียวอาจไม่พอ งานวิจัยนี้มาจาก NYU เผยแพร่ลง preprint เมื่อสองวันก่อน นักวิจัยนำพลาสม่าของผู้ที่ฉีดวัคซีน 3 ชนิดได้แก่ ไฟเซอร์ ,โมเดอร์ และ J&J ไปแล้ว 80-90 วัน มาทำการวัดระดับภูมิคุ้มกันชนิดสลายไวรัส หรือ NAb ด้วยการทดสอบอนุภาคเทียม สายพันธุ์ต่างๆ ได้แก่ อู่ฮั่น , อัลฟ่า , เบต้า , เดลต้า ,เดลต้า พลัส และแลมด้า ผลการศึกษาพบว่าพลาสม่าของผู้ที่ฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเข็มเดียว มีระดับภูมิคุ้มกัน ต่ำกว่าผู้ที่ฉีด mRNA วัคซีนครบสองเข็มมาก และเมื่อนำไปทดสอบกับอนุภาคเทียมสายพันธุ์ต่าง ๆ พบว่าพลาสม่าของผู้ที่ฉีดวัคซีนยับยั้งไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมและอัลฟ่าได้ดี ในขณะที่ เบต้า, เดลต้า, เดลต้า พลัส และ แลมด้า ล้วนแต่ดื้อกว่าทั้งสองสายพันธุ์แรก อย่างไรก็ดีเมื่อดูค่าระดับ มิคุ้มกัน พบว่าทั้งไฟเซอร์ และโมเดอร์นานั้น ระดับภูมิคุ้มกันยังสูงพอที่จะยับยั้งเชื้อได้ทุกสายพันธุ์
ในขณะที่วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันนั้น เอาเบต้า, เดลต้า, เดลต้า พลัส และแลมด้า ไม่ค่อยจะอยู่ ดังนั้นดูเหมือนว่า วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเข็มเดียวอาจไม่เหมาะกับการรับมือเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ อีกต่อไป อย่างไรก็ตามยังไม่เห็นข้อมูลศึกษาการใช้จริงของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์น โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าดูผลการทดสอบแบบนี้ มีแนวโน้มที่วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อาจต้องใช้เป็นมิกซ์แอนด์แมตช์กับ mRNA วัคซีนเช่นเดียวกับแอสตร้าเซเนก้าในอนาคต