คณะทำงานด้านกฎหมาย บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ระบุเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน และมีสิทธิยื่นอุทธรณ์โต้แย้ง เพื่อความเป็นธรรม และผลประโยชน์ของประเทศ หลังศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษายกฟ้อง "ผู้ว่าฯรฟม.-พวก" ปมแก้ทีโออาร์รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)

สืบเนื่องจาก บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 รวม 7 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (16) กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 165 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณียกเลิกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 128,128 ล้านบาท

จากนั้นได้มีการไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายมาเป็นลำดับ ล่าสุด วันนี้ (27 ก.ย.65) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดอ่านคำพิพากษา โดยเห็นชอบให้ยกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 7 ร่วมกันมีมติเปลี่ยนแปลง แก้ไข หลักเกณฑ์การประมูล โดยให้พิจารณาคะแนนด้านเทคนิคและการลงทุนและผลตอบแทนร่วมกัน โดยกำหนดสัดส่วนการให้คะแนนด้านเทคนิคเป็นร้อยละ 30 คะแนน ด้านการลงทุนและผลตอบแทนเป็นร้อยละ 70 คะแนน เป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐตามความต้องการของ รฟม. ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 มาตรา 38 (6) และ (7) ประกาศคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เรื่องรายละเอียดของร่างประกาศเชิญชวนร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน และสาระสำคัญของร่างสัญญาร่วมลงทุน พ.ศ.2563

ข่าวที่น่าสนใจ

รวมถึงเห็นว่า จำเลยทั้ง 7 ร่วมกันใช้ดุลพินิจไปตามข้อเท็จจริง และทำไปตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้รัฐได้รับประโยชน์สูงสุด และประชาชนที่ใช้บริการได้รับความปลอดภัย พยานหลักฐานตลอดจนคำฟ้องของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่า จำเลยทั้ง 7 ได้เอื้อประโยชน์เอกชนรายหนึ่งรายใด หรือดำเนินการโดยมิชอบ หรือกลั่นแกล้งโจทก์หรือเลือกปฏิบัติ อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ขณะที่ นายธงชัย พรเศรษฐ์ หัวหน้าคณะทนายความ BTSC ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับแนวทางการต่อสู้คดี ภายหลังศาลฯมีคำพิพากษา ว่า ศาลฯวินิจฉัยในแต่ละข้อหาค่อนข้างละเอียด แต่มีบางประเด็นที่ทางคณะทำงานของทีมกฎหมาย ต้องนำกลับไปพิจารณาเพิ่มเติม ในจุดที่ยังไม่เห็นด้วย ทั้งข้อเท็จจริงและรายละเอียดข้อกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดถือเป็นเรื่องสำคัญ จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากทางฝ่าย BTSC ยังคงเชื่อมั่นในพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่นำเสนอต่อศาลฯ ดังนั้นถึงแม้ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษายกคำฟ้อง แต่เรายังมีอีกหลายจุดให้นำมาต่อสู้ โดยเบื้องต้นคณะทำงานด้านกฎหมาย จะใช้สิทธิ์ในการพิจารณาพิสูจน์ทุกประเด็นข้อเท็จจริงให้ถึงที่สุด

ประเด็นที่ต้องเน้นย้ำ คือ คำพิพากษาในวันนี้ เป็นเพียงฉบับร่าง โดยหลังจากนี้อีกประมาณ 10 วัน จะได้รับคำพิพากษาเต็ม จากนั้นคณะทำงานกฝ่ายกฎหมาย รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องภายใน BTSC จะนำกลับไปพิจารณา เพื่อใช้สิทธิ์เรียกร้องสิ่งที่ถูกต้องและควรทำต่อไป โดยเฉพาะนับจากวันนี้ภายใน 1 เดือน BTSC จะมีการยื่นคำอุทรณ์คำฟ้องอย่างแน่นอน หรือ หากคำพิพากษาหรือข้อกฎหมาย มีรายละเอียดมาก ก็อาจจะต้องใช้สิทธิในการยื่นขอขยายเวลาออกไปตามสมควร

ส่วนมูลเหตุทำให้ศาลฯยกฟ้อง หัวหน้าคณะทนาย BTSC ให้ความเห็นว่า จากการรับฟัง ในภาพรวมศาลฯ ระบุ คณะกรรมการ และ รฟม. มีอำนาจทำได้ แต่ในแง่มุมของเราก็แย้งไม่น่าทำได้ ซึ่งจะเป็นการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นต่อสู้คดีต่อไป โดยเราจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เรื่องนี้มีข้อยุติและเป็นบรรทัดฐานที่ยอมรับกันได้ เพราะเรื่องนี้ถือเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ และ BTSC ในฐานะบริษัทเอกชนที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด ย่อมจำเป็นจะต้องดำเนินการต่อสู้ เพื่อความเป็นธรรมต่อไป

รถไฟฟ้าสีส้ม, BTSC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

BTSC พร้อมอุทธรณ์คดีรถไฟฟ้าสีส้ม หลังศาลฯคดีทุจริตยกฟ้อง