นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีการปรับสูตรการฉีดวัคซีนมาเป็นเข็มแรกซิโนแวค เข็ม 2 แอสตร้าเซนเนกา ซึ่งมีการศึกษาพบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงเท่าการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม และสูงกว่าการติดเชื้อตามธรรมชาติ ข้อดีคือใช้เวลาประมาณ 5 สัปดาห์ในการกระตุ้นภูมิสูง ส่วนการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็มต้องใช้เวลานานกว่า 4 เดือน ดังนั้นจึงเดินหน้าฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน แต่มีข้อยกเว้นในพื้นที่ระบาดกทม. ปริมณฑล จะฉีดแอแสตร้าฯ 2 เข็ม ให้กับผู้สูงอายุ เพราะการฉีด 1 เข็ม ยังช่วยป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต ล่าสุดกระทรวงส่งวัคซีนให้ กทม.ไปแล้ว 1 ล้านโดส โดยระบุชัดว่า 5 แสนโดสต้องฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปด้วย
จากการปรับการฉีดวัคซีนทำให้มีการประมาณการณ์ว่าจะใช้ซิโนแวค คร่าวๆ 4-5 ล้านโดสต่อเดือน และแอสตร้าเซนเนก้า 5-6 ล้านโดสต่อเดือน และยังมีการหาแผนสำรองในการหาวัคซีนชนิดอื่นๆ มาด้วย เช่นไฟเซอร์ สำหรับกรณีที่โรงพยาบาลหลายแห่งมีการประกาศเลื่อนฉีดวัคซีนนั้นสอบถามแล้วเพราะยังไม่ทราบว่าจะต้องฉีดวัคซีนตามสูตรใหม่หรือไม่ เลยเลื่อนออกไปก่อน แต่วัคซีนมีในสต็อกพร้อมฉีดอยู่แล้ว ซึ่งปลัดสธ.ได้มีการประชุมทางไกลเพื่อยืนยันการฉีดวัคซีนตามสูตรสลับชนิดแล้ว และยังกำชับด้วยว่าหากวัคซีนมีเพียงพอให้เลื่อนคิวของคนที่ต้องได้รับในเดือนส.ค.ให้เข้ามาฉีดวัคซีนเร็วขึ้น แต่ต้องเป็นไปตามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด
ขอย้ำว่าวัคซีนซิโนแวคก็มีข้อดี อย่างที่เรียนไปแล้วว่าประสิทธิภาพของวัคซีนมีอยู่ 3 ด้านคือ 1. ความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อ 2. ความสามารถในการลดอาการป่วยหนัก 3. ความสามารถในการลดการเสียชีวิต ซึ่งวัคซีนทุกชนิดในโลกนี้ที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง รวมถึงอย.ไทยให้การรับรองด้วย นั้นมีประสิทธิภาพทั้ง 3 อย่าง สามารถลดการติดเชื้อได้เพียงแต่จะมากน้อยแตกต่างกันไป ความสามารถป้องกันการป่วยหนักได้ลดการเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตามไม่มีวัคซีนใดสมบูรณ์แบบ 100% ไม่มีวัคซีนใดป้องกันการติดเชื้อได้ 100% ไม่มีวัคซีนใดป้องกันอาการหนักได้ 100% ไม่มีวัคซีนใดป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% ทั้งนั้นต้องหาวัคซีนจากหลายๆ แหล่งเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง