จากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ลงนามออกกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ฉบับใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งจะ สนับสนุนการวิจัยและผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ รวมถึงให้งบอุดหนุนการลงทุนของเอกชน ถึงแม้จะมีการเน้นว่า กฎหมายฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อเสริมสร้างการผลิตชิปของสหรัฐฯ แต่เนื้อหาของกฎหมายฉบับนี้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจน ในการขัดขวางอุตสาหกรรมชิปของจีน เช่น ห้ามไม่ให้บริษัทที่ได้รับเงินอุดหนุนสร้างโรงงานบางประเภทในจีนและประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ดังนั้นหน่วยงานของจีนจึงต่างออกมาคัดค้าน โดยกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ประณามว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะกระทบต่อกิจกรรมการค้าและการลงทุนของบริษัทระดับโลกอย่างร้ายแรง ในขณะเดียวกันก็ส่งผลในทางลบ ต่อเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมชิปทั่วโลก โดยนายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่า สหรัฐฯจะสร้างอุตสาหกรรมของตัวเองอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของสหรัฐฯ แต่มันไม่ควรขัดขวาง การแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ อีกทั้งยังเป็นบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของจีนที่ได้จากการพัฒนาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ด้านสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (CCPIT) และหอการค้าระหว่างประเทศ (CCOIC)ของจีนได้ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องให้ประชาคมธุรกิจทั่วโลกร่วมกัน ปกป้องสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายหากจำเป็น พร้อมกล่าวว่า กฎหมายชิปของสหรัฐฯจะทำให้ สหรัฐฯ มีความได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรมเหนือประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจีน ซึ่งจะทำให้การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเข้มข้นขึ้น และขัดขวางนวัตกรรม การฟื้นตัวและ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังระบุว่า กฎหมายดังกล่าว จะส่งผลเสียต่อสหรัฐฯเช่นกัน เนื่องจากสิ่งที่สหรัฐฯ ทำได้ดีคือการวิจัยและออกแบบชิประดับไฮเอนด์ ในขณะที่จีนและประเทศอื่นๆ มีความด้านเปรียบเรื่องต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ดังนั้นการที่เงินอุดหนุนระยะสั้นที่มุ่งเป้าไปที่ การย้ายทุกภาคส่วนของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ไปยังสหรัฐฯ จะเพิ่มต้นทุนการผลิตให้สหรัฐฯ และทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้น้อยลง
ในทางกลับกัน หากบริษัทต่างๆ เลือกที่จะยอมรับเงินอุดหนุนจากสหรัฐฯ และเลิกลงทุนผลิตในในจีนแผ่นดินใหญ่ นั่นหมายถึงพวกเขาได้ละทิ้งตลาดจีนขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยผลิตชิปจำนวนมากด้วยต้นทุนที่ต่ำ และยังซื้อชิปจำนวนมากจากพวกเขา ในแง่นี้ การกระทำดังกล่าวจะทำให้บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ระดับโลกสูญเสียผลประโยชน์ในระยะยาว ทั้งนี้หุ้นของบริษัทผลิตชิปต่างๆได้มีราคาร่วงลง สะท้อนความกังวลของผู้ประกอบการ เนื่องจากพวกเขาถูกบังคับให้เลือกข้าง อีกทั้งต้องปรับโครงสร้างและรูปแบบการลงทุนในอนาคต
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญจีนยังตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของนโยบายดังกล่าว หากมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง พร้อมกับตั้งข้อสงสัยว่ากฏหมายดังกล่าวจะสามารถขัดขวางการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ของจีนได้จริงหรือไม่ เนื่องจากต้นทุนจริงนั้นสูงกว่างบประมาณที่อนุมัติอยู่มาก