แอมเนสตี้ ยื่นผลวิจัยร้องภาครัฐเคารพเสรีภาพการชุมนุม

รัฐสภา 8 ก.ค.- แอมเนสตี้ ยื่นผลวิจัย “หน้าแสบร้อนเหมือนโดนไฟไหม้” ถึงสภาฯ ร้องภาครัฐเคารพเสรีภาพในการชุมนุม สืบสวนจนท. ใช้กำลังโดยมิชอบ ชดเชยเยียวยา ยกเลิกข้อหานักกิจกรรม-พ.ร.บ.ชุมนุม-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เดินทางมายื่นรายงานวิจัยศึกษาผลกระทบการชุมนุม การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามชุมนุมในประเทศไทย เรื่อง “หน้าแสบร้อนเหมือนโดนไฟไหม้” ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องรัฐบาลส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้ทุกคนสามารถใช้สิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองโดยกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศได้อย่างสมบูรณ์ เรียกร้องไทยต้องเคารพสิทธิใน เสรีภาพการชุมนุมโดยสงบ

นางปิยนุช กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 บริเวณรอบรัฐสภา สำหรับผู้ชุมนุมเป็นเหมือนสมรภูมิรบ มีการใช้กำลังในการควบคุมฝูงชนทั้งเครื่องฉีดน้ำความดันสูง สารเคมีมีความระคายเคืองหรือแก๊สน้ำตาการที่เรามายื่นหนังสือถึงนายชวนในวันนี้เพราะหวังว่าภาครัฐจะจริงจังในการใช้มาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมฝูงชนให้เป็นไปตามสิทธิมนุษยชนและหลักสากล ซึ่งรายงานฉบับนี้มีการดูคลิปและสัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แสดงให้เห็นถึงการใช้กำลังควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไม่ถูกต้องและละเมิดสิทธิ ดังนั้นทางแอสเนสตี้ฯ จึงมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย คือ 1. กำหนดแนวทาง ดูแลการชุมนุมในภาพรวมให้เป็นไปในแนวทางการอำนวยความสะดวกและรับประกันในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบของผู้ชุมนุม โดยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ 2.ให้ความสำคัญในวิธีการที่ไม่รุนแรง เช่น การเจรจา การแลกเปลี่ยนความเห็น และการไกล่เกลี่ยเพื่อลดการปะทะที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง และให้การประกันว่าการใช้กำลังใด ๆ ระหว่างการชุมนุม สามารถทำได้เมื่อมีความจำเป็นอย่างถึงที่สุดเท่านั้นและต้องใช้อย่างสอดคล้องกับหลักความจำเป็น 3.แยกแยะระหว่างผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงและผู้ชุมนุมที่ไม่ใช้ความรุนแรง และปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่ใช้ความรุนแรงที่กระทำความผิดเท่านั้น

นางปิยนุช กล่าวต่อว่า 4.ให้มีการสืบสวนอย่างรวดเร็ว เป็นอิสระ ไม่ลำเอียงและเห็นผลต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนรวมถึงตำรวจตระเวนชายแดนที่ใช้กำลัง รวมถึงฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมีที่มีความระคายเคืองใส่ผู้ชุมนุม ตลอดจนให้มีการเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรมต่อผู้เสียหายจากการใช้กำลังโดยมิชอบและรับประกันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีก และ 5.ยกเลิกข้อหาทั้งหมดที่มีต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมที่ใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบ และแก้ไขหรือยกเลิกพ.ร.บ.ชุมนุมและพ.ร.ก.ฉุกเฉินให้สอดคล้องกับกฎหมาย และมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมถึงให้เกิดการชุมนุมโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าได้ และยกเลิกข้อจำกัดที่เกินกว่าเหตุในการปิดกั้นการชุมนุมโดยสงบ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“กองทัพภาคที่ 2” เผยตรวจพบโดรนบินป่วนพื้นที่ชั้นใน 2 ลำ ชายแดน 60 ลำ ตัดการควบคุมสัญญาณได้ 1 ลำ
"เท้ง ณัฐพงษ์" ขยับแรงบีบซ้ำภท. เตรียมอภิปรายแถลงนโยบาย ยึดกรอบ MOA ใช้ 143 เสียง กํากับทิศทางรัฐบาล
ตลาดศรีเมือง จัดตรวจสุขภาพพนักงานและผู้ประกอบการค้า สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มาใช้บริการ
ร้านอาหารไทยแจกไก่ทอดปลุกเหตุจลาจลที่ฝรั่งเศส
จับรายวัน! ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ตรึงกำลังเข้ม สกัดจับรถตู้ขนแรงงานเถื่อน 115 คน
ชายวัย 54 ปี ใช้เชือกผูกคอตัวเองเสียชีวิตในบ้านพัก ญาติงงเป็นไปได้อย่างไร เพราะเพิ่งเอาเงินเกษตรกรที่ได้จากรัฐ 1 หมื่น ไปซื้อเครื่องตัดหญ้าที่เจ้าตัวฝันอยากได้มานาน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​