ข่าวใหญ่การเมืองชั่วโมงนี้ ไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่ากระแส “นายกฯสำรอง – นายกฯคนนอก” ที่งานนี้ต้นทางของเรื่องก็มาจากกรณีที่จู่ๆ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดันไปให้สัมภาษณ์ “ลั่น” กับนักข่าวทำเนียบยอมรับว่าพรรคมีการเตรียมนายกฯสำรองไว้ เผื่อเหลือเผื่อขาดกรณีที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองในช่วง 23 ส.ค.2565 ที่ตอนนี้พรรคฝ่ายค้านก๊วนฝ่ายตรงข้ามเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความการนับอายุการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่เกิน 8 ปี ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ม. 158 วรรค 4 ที่ระบุว่า ” นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่ง ติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง”
งานนี้ก็เลยทำให้ฝ่ายตรงข้ามปลุกกระแสตีปี๊บเรื่องนี้กันยกใหญ่ เพราะดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวที่พอจะเอามาสกัดเบรกไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจต่อได้ ทั้งนี้หากพล.อ.ประยุทธ์บังเอิญเกิด “ตายน้ำตื้น” กับเรื่องนี้ ที่ฝ่ายค้านเชื่อว่าอย่างนั้น ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลทีมกฎหมายของบิ๊กตู่มองเรื่องนี้ไม่ว่ามุมไหนก็หลุด เพราะมีช่องให้ต่อสู้หักล้างมากมาย แต่ฝ่ายค้านเลือกที่จะมองไม่เห็น หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องยื่นเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ นั้นจึงทำให้พวกที่คิดไม่ดีคิดไม่ซื่อ โยงประเด็นนี้ไปเชื่อมกับนายกฯสำรอง เผื่อพลิกล็อคพล.อ.ประยุทธ์ถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญน็อคด้วยประเด็นนี้ขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยรัฐบาลก็ยังไปต่อบ้านเมืองก็ยังไปได้ เพียงแต่ต้องมีการเลือกนายกฯกันใหม่
บารมีระดับที่จะมารับไม้ต่อจากพล.อ.ประยุทธ์ เหลียวซ้ายแลขวาในเรือแป๊ะตอนนี้ ไม่มีใครจะมีบารมีเหมาะสมรับช่วงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้มากไปกว่าพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อย่างบิ๊กป้อม เพราะเอาจริงๆตอนนี้แกก็เป็นผู้จัดการรัฐบาล มีอำนาจในมือล้นฟ้าอยู่แล้ว เมื่อกระแสมันออกมาเป็นแบบนี้ ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามบิ๊กตู่ไม่ชอบพล.อ.ประยุทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุที่รากงอกอยู่นาน ถึงตรงนี้ก็เกือบ 7 ปีในตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ชอบเพราะเป็นคนดีคนเก่งคนไม่โกงกินไม่มีอะไรเสียหายด่างพร้อย จึงหาจุดตำหนิจุดอ่อนจุดไล่ได้ยาก ต่อเมื่อมีเรื่องนี้ผุดขึ้นมา จึงกระโดดออกมาผสมโรงเรื่องชูบิ๊กป้อมเป็นนายกฯสำรองแบบเห็นเจตนาเรียกว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่าคิดอ่านการอันใดอยู่
ที่ออกมารับลูกเขี่ยเปิดเกมส์คนแรกก่อนใครเพื่อนก็คือ อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 งานนี้ออกโรงประกาศว่าการเมืองไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง ระบุสาเหตุเนื่องจากผู้นำรัฐบาลไร้สภาพการนำทำให้เกิดวิกฤตรอบด้าน หากปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ประเทศชาติจะยิ่งถอยหลัง และเกิดวิกฤตทุกด้านสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองเกินกว่าที่ใครจะกอบกู้หรือเยียวยาได้ พูดจบก็ไล่ส่งพล.อ.ประยุทธ์พร้อมชูพล.อ.ประวิตรขึ้นมาในบัดดล
” พล.อ.ประยุทธ์ หมดสภาพความเป็นผู้นำประเทศไปแล้ว เพราะอยู่ในอำนาจมา8ปี มีแต่ทำให้ประเทศถอยหลังแทบทุกด้าน เศรษฐกิจพังพินาศประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส โควิด-19ก็ไม่มีวันจบ สร้างความแตกแยกของสังคมร้าวลึก พรรคร่วมรัฐบาลก็ขาดความเป็นเอกภาพ กองหนุนก็หดหายลงไปเรื่อยๆ …. ในสภาพการณ์ปัจจุบัน ไม่มีบุคคลใดที่จะนำพาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบบรัฐสภาได้ มีแต่ลุงป้อมเท่านั้นที่เป็นบุคคลมากด้วยบารมี ที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากอำนาจได้ และหากลุงป้อมเป็นนายกฯเอง น้องตู่ก็หมดกังวลใจว่าจะไม่มีใครตามเช็คบิล” อดุลย์แจกแจง
นอกเหนือจากอดุลย์ที่ออกมาเชียร์บิ๊กป้อมแบบสุดๆแล้ว ก๊วน 2 น. อย่าง “บิ๊กน้อย-ผู้กองนัส” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ออกมารับลูกชูเรื่องบิ๊กป้อมเป็นนายกฯสำรอง แบบเสียอาการภาษาการเมืองเขาเรียกว่า “ไม่เนียน” เพราะออกมาเอ่ยชื่อดันหลังเจ้านายแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่ดูทางลมไม่ศึกษาข้อกฎหมาย งานนี้ก็เลยกลายเป็นการอ้าปากแล้วเห็นลิ้นไก่ แบไต๋ให้คนอื่นรู้ความในกันพอดีว่าอยากให้เจ้านายขึ้นเป็นนายกฯนั่งเป็นสร.1 ใจจะขาด ถึงขนาดที่ร.อ.ธรรมนัสออกมาระบุว่า ” เรื่องนี้อยู่ที่ตัวพล.อ.ประวิตร หากถามว่าสามารถเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ ความจริงท่านเป็นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่าน” เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทยยืนยัน แถมบอกช่องทางตั้งบิ๊กป้อมเป็นนายกฯไว้เสร็จสรรพ ชี้ว่ารัฐธรรมนูญ ม. 272 วรรค 2 เปิดช่องให้คนนอกเป็นนายกฯได้
” หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้”
ในรัฐธรรมนูญ ม. 272 วรรค 2 เขียนไว้อย่างที่ผู้กองแป้งว่าจริงๆ แต่กระบวนการจะไปถึงตรงนั้นล่าสุด “กูรูกฎหมายลายพราง” อย่างวิษณุ เครืองามก็ออกมาอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วว่ายากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ถ้าการเมืองไม่เกิดเดดล็อคไม่จนแต้มจริงๆ การจะไปถึงขั้นเปิดสภาเลือกนายกฯสำรองไม่มีทางเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ทั้งนี้หากพล.อ.ประยุทธ์ดวงแตกเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจริงๆ นายกฯสำรองที่จะเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศไทยได้แบบถูกต้องชอบธรรมก็เหลือแค่ 5 คน คือ ‘มาร์ค-อนุทิน-หน่อย-ชัยเกษม-ชัชชาติ’ ไม่มีชื่อของพล.อ.ประวิตรให้ลุ้นแต่อย่างใด
” เกิดมีคำวินิจฉัยว่าเข้า 8 ปี ถ้าอย่างนั้น ผู้เป็นนายกฯ รักษาการก็เป็นไปตามลำดับที่เรียงไว้ คนแรกคือ พล.อ.ประวิตร และ คนที่สองคือผม โดยนายกฯ รักษาการสามารถยุบสภาฯ ได้ แต่ไม่เคยทำ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของนายชวน จะต้องจัดให้มีการเลือกนายกฯ คนใหม่ ภายใน 3-7 วัน เหมือนกับการเลือกนายกฯ ครั้งที่ผ่านมา โดยใช้บัญชีที่มีอยู่ นี่แหละคือสำรองฯ ซึ่งประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ นายอนุทิน นายชัยเกษม นายชัชชาติ และ คุณหญิงสุดารัตน์ 5 คนนี้คือบัญชีสำรอง…..ก็ไม่รู้จะมาพูดทำไมเรื่องนายกฯ สำรอง สำรองมีอยู่แล้วคือ 5 คน ที่ผมบอกไป ใครที่ไม่อยู่ในนี้ไม่ใช่สำรองทั้งนั้น ” วิษณุร่ายกฎหมาย ชัดเจนว่าพล.อ.ประวิตรหมดสิทธิ์ฝันถึงนายกฯสำรอง เพราะไม่มีชื่อในสำรับแคนดิเดตนายกฯที่พรรคการเมืองเสนอมาตั้งแต่แรก
ส่วนจะเป็นนายกฯคนนอกได้หรือไม่นั้น คำตอบคือได้ แต่การจะฝ่าด่านอรหันต์ส.ส.และส.ว.และบทบัญญัติที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอนายกฯคนนอกนั้น วิษณุยืนกรานว่าทำได้แต่ปิดท้ายว่ามันยากจริงๆ กล่าวคือ ” ต้องให้ ส.ส. 250 คนเข้าชื่อให้ล้มบัญชีแคนดิเดตนายกฯสำรองที่มี และเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯบัญชีใหม่ จากนั้นประธานประรัฐสภาก็ต้องเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับรอง โดยรัฐสภาต้องมีมติ 500 เสียงจาก 750 เสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้เห็นชอบ เมื่อเห็นชอบก็จะต้องมี ส.ส.อีก 50 คน เสนอชื่อ และประชุมรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อโหวตทั้งรัฐสภา ว่าจะเอาชื่อไหน กระบวนการทำได้ แต่ซับซ้อน” อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็น ระดับปรมาจารย์กฎหมายมหาชนอย่างวิษณุยังบอกว่ายาก เพราะฉะนั้นเรื่องนายกฯคนนอกแทบจะลืมไปได้เลย ส่วนนายกฯสำรองก็หมดสิทธิ์ที่จะคิดเพราะไม่มีชื่อพล.อ.ประวิตรมาแต่ไหนแต่ไร พวกลูกน้องที่จะชงนายป้อมขึ้นเป็นนายกฯ หวังสร้างประวัติศาสตร์ “นายกฯป่ารอยต่อ” ไม่ว่าสายไหนรอบนี้ขอบอกตรงๆ ฝันค้างแน่นอน
////////////////////////