นายกฯสำรอง – นายกฯคนนอก

ฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้าม เดินเกมส์ป่วน 2 ป. ชูประวิตรนายกฯหากบิ๊กตู่เกิดอุบัติเหตุ อดุลย์เขี่ยลูก "วิชญ์-ธรรมนัส" รับลูก ชูนายป้อมบารมีล้นเป็นนายกฯตอนไหนก็ได้ แต่ฝันค้างหลังเจอวิษณุเบรกหัวทิ่มดับฝัน "นายกฯป่ารอยต่อ" กูรูกฎหมายยันนายกฯสำรองในบัญชีมีแค่ 5 แถมไร้ชื่อประวิตร ส่วน "นายกฯคนนอก" เป็นได้แต่โอกาสยากมากๆ แถมวิธีการซับซ้อน

ข่าวใหญ่การเมืองชั่วโมงนี้ ไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่ากระแส “นายกฯสำรอง – นายกฯคนนอก” ที่งานนี้ต้นทางของเรื่องก็มาจากกรณีที่จู่ๆ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดันไปให้สัมภาษณ์ “ลั่น” กับนักข่าวทำเนียบยอมรับว่าพรรคมีการเตรียมนายกฯสำรองไว้ เผื่อเหลือเผื่อขาดกรณีที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองในช่วง 23 ส.ค.2565 ที่ตอนนี้พรรคฝ่ายค้านก๊วนฝ่ายตรงข้ามเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความการนับอายุการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่เกิน 8 ปี ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ม. 158 วรรค 4 ที่ระบุว่า ” นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่ง ติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง”

งานนี้ก็เลยทำให้ฝ่ายตรงข้ามปลุกกระแสตีปี๊บเรื่องนี้กันยกใหญ่ เพราะดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวที่พอจะเอามาสกัดเบรกไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจต่อได้ ทั้งนี้หากพล.อ.ประยุทธ์บังเอิญเกิด “ตายน้ำตื้น” กับเรื่องนี้ ที่ฝ่ายค้านเชื่อว่าอย่างนั้น ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลทีมกฎหมายของบิ๊กตู่มองเรื่องนี้ไม่ว่ามุมไหนก็หลุด เพราะมีช่องให้ต่อสู้หักล้างมากมาย แต่ฝ่ายค้านเลือกที่จะมองไม่เห็น หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องยื่นเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ นั้นจึงทำให้พวกที่คิดไม่ดีคิดไม่ซื่อ โยงประเด็นนี้ไปเชื่อมกับนายกฯสำรอง เผื่อพลิกล็อคพล.อ.ประยุทธ์ถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญน็อคด้วยประเด็นนี้ขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยรัฐบาลก็ยังไปต่อบ้านเมืองก็ยังไปได้ เพียงแต่ต้องมีการเลือกนายกฯกันใหม่

บารมีระดับที่จะมารับไม้ต่อจากพล.อ.ประยุทธ์ เหลียวซ้ายแลขวาในเรือแป๊ะตอนนี้ ไม่มีใครจะมีบารมีเหมาะสมรับช่วงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้มากไปกว่าพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อย่างบิ๊กป้อม เพราะเอาจริงๆตอนนี้แกก็เป็นผู้จัดการรัฐบาล มีอำนาจในมือล้นฟ้าอยู่แล้ว เมื่อกระแสมันออกมาเป็นแบบนี้ ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามบิ๊กตู่ไม่ชอบพล.อ.ประยุทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุที่รากงอกอยู่นาน ถึงตรงนี้ก็เกือบ 7 ปีในตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ชอบเพราะเป็นคนดีคนเก่งคนไม่โกงกินไม่มีอะไรเสียหายด่างพร้อย จึงหาจุดตำหนิจุดอ่อนจุดไล่ได้ยาก ต่อเมื่อมีเรื่องนี้ผุดขึ้นมา จึงกระโดดออกมาผสมโรงเรื่องชูบิ๊กป้อมเป็นนายกฯสำรองแบบเห็นเจตนาเรียกว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่าคิดอ่านการอันใดอยู่

ที่ออกมารับลูกเขี่ยเปิดเกมส์คนแรกก่อนใครเพื่อนก็คือ อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 งานนี้ออกโรงประกาศว่าการเมืองไทยถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง ระบุสาเหตุเนื่องจากผู้นำรัฐบาลไร้สภาพการนำทำให้เกิดวิกฤตรอบด้าน หากปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ประเทศชาติจะยิ่งถอยหลัง และเกิดวิกฤตทุกด้านสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองเกินกว่าที่ใครจะกอบกู้หรือเยียวยาได้ พูดจบก็ไล่ส่งพล.อ.ประยุทธ์พร้อมชูพล.อ.ประวิตรขึ้นมาในบัดดล


” พล.อ.ประยุทธ์ หมดสภาพความเป็นผู้นำประเทศไปแล้ว เพราะอยู่ในอำนาจมา8ปี มีแต่ทำให้ประเทศถอยหลังแทบทุกด้าน เศรษฐกิจพังพินาศประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส โควิด-19ก็ไม่มีวันจบ สร้างความแตกแยกของสังคมร้าวลึก พรรคร่วมรัฐบาลก็ขาดความเป็นเอกภาพ กองหนุนก็หดหายลงไปเรื่อยๆ …. ในสภาพการณ์ปัจจุบัน ไม่มีบุคคลใดที่จะนำพาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบบรัฐสภาได้ มีแต่ลุงป้อมเท่านั้นที่เป็นบุคคลมากด้วยบารมี ที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากอำนาจได้ และหากลุงป้อมเป็นนายกฯเอง น้องตู่ก็หมดกังวลใจว่าจะไม่มีใครตามเช็คบิล” อดุลย์แจกแจง

 

 

นอกเหนือจากอดุลย์ที่ออกมาเชียร์บิ๊กป้อมแบบสุดๆแล้ว ก๊วน 2 น. อย่าง “บิ๊กน้อย-ผู้กองนัส” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ออกมารับลูกชูเรื่องบิ๊กป้อมเป็นนายกฯสำรอง แบบเสียอาการภาษาการเมืองเขาเรียกว่า “ไม่เนียน” เพราะออกมาเอ่ยชื่อดันหลังเจ้านายแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่ดูทางลมไม่ศึกษาข้อกฎหมาย งานนี้ก็เลยกลายเป็นการอ้าปากแล้วเห็นลิ้นไก่ แบไต๋ให้คนอื่นรู้ความในกันพอดีว่าอยากให้เจ้านายขึ้นเป็นนายกฯนั่งเป็นสร.1 ใจจะขาด ถึงขนาดที่ร.อ.ธรรมนัสออกมาระบุว่า ” เรื่องนี้อยู่ที่ตัวพล.อ.ประวิตร หากถามว่าสามารถเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ ความจริงท่านเป็นได้ตลอดเวลา แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวท่าน” เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทยยืนยัน แถมบอกช่องทางตั้งบิ๊กป้อมเป็นนายกฯไว้เสร็จสรรพ ชี้ว่ารัฐธรรมนูญ ม. 272 วรรค 2 เปิดช่องให้คนนอกเป็นนายกฯได้

” หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมือง แจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้”

 

ในรัฐธรรมนูญ ม. 272 วรรค 2 เขียนไว้อย่างที่ผู้กองแป้งว่าจริงๆ แต่กระบวนการจะไปถึงตรงนั้นล่าสุด “กูรูกฎหมายลายพราง” อย่างวิษณุ เครืองามก็ออกมาอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วว่ายากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ถ้าการเมืองไม่เกิดเดดล็อคไม่จนแต้มจริงๆ การจะไปถึงขั้นเปิดสภาเลือกนายกฯสำรองไม่มีทางเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ทั้งนี้หากพล.อ.ประยุทธ์ดวงแตกเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจริงๆ นายกฯสำรองที่จะเป็นผู้นำคนใหม่ของประเทศไทยได้แบบถูกต้องชอบธรรมก็เหลือแค่ 5 คน คือ ‘มาร์ค-อนุทิน-หน่อย-ชัยเกษม-ชัชชาติ’ ไม่มีชื่อของพล.อ.ประวิตรให้ลุ้นแต่อย่างใด

” เกิดมีคำวินิจฉัยว่าเข้า 8 ปี ถ้าอย่างนั้น ผู้เป็นนายกฯ รักษาการก็เป็นไปตามลำดับที่เรียงไว้ คนแรกคือ พล.อ.ประวิตร และ คนที่สองคือผม โดยนายกฯ รักษาการสามารถยุบสภาฯ ได้ แต่ไม่เคยทำ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของนายชวน จะต้องจัดให้มีการเลือกนายกฯ คนใหม่ ภายใน 3-7 วัน เหมือนกับการเลือกนายกฯ ครั้งที่ผ่านมา โดยใช้บัญชีที่มีอยู่ นี่แหละคือสำรองฯ ซึ่งประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ นายอนุทิน นายชัยเกษม นายชัชชาติ และ คุณหญิงสุดารัตน์ 5 คนนี้คือบัญชีสำรอง…..ก็ไม่รู้จะมาพูดทำไมเรื่องนายกฯ สำรอง สำรองมีอยู่แล้วคือ 5 คน ที่ผมบอกไป ใครที่ไม่อยู่ในนี้ไม่ใช่สำรองทั้งนั้น ” วิษณุร่ายกฎหมาย ชัดเจนว่าพล.อ.ประวิตรหมดสิทธิ์ฝันถึงนายกฯสำรอง เพราะไม่มีชื่อในสำรับแคนดิเดตนายกฯที่พรรคการเมืองเสนอมาตั้งแต่แรก

ส่วนจะเป็นนายกฯคนนอกได้หรือไม่นั้น คำตอบคือได้ แต่การจะฝ่าด่านอรหันต์ส.ส.และส.ว.และบทบัญญัติที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอนายกฯคนนอกนั้น วิษณุยืนกรานว่าทำได้แต่ปิดท้ายว่ามันยากจริงๆ กล่าวคือ ” ต้องให้ ส.ส. 250 คนเข้าชื่อให้ล้มบัญชีแคนดิเดตนายกฯสำรองที่มี และเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯบัญชีใหม่ จากนั้นประธานประรัฐสภาก็ต้องเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับรอง โดยรัฐสภาต้องมีมติ 500 เสียงจาก 750 เสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้เห็นชอบ เมื่อเห็นชอบก็จะต้องมี ส.ส.อีก 50 คน เสนอชื่อ และประชุมรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อโหวตทั้งรัฐสภา ว่าจะเอาชื่อไหน กระบวนการทำได้ แต่ซับซ้อน” อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็น ระดับปรมาจารย์กฎหมายมหาชนอย่างวิษณุยังบอกว่ายาก เพราะฉะนั้นเรื่องนายกฯคนนอกแทบจะลืมไปได้เลย ส่วนนายกฯสำรองก็หมดสิทธิ์ที่จะคิดเพราะไม่มีชื่อพล.อ.ประวิตรมาแต่ไหนแต่ไร พวกลูกน้องที่จะชงนายป้อมขึ้นเป็นนายกฯ หวังสร้างประวัติศาสตร์ “นายกฯป่ารอยต่อ” ไม่ว่าสายไหนรอบนี้ขอบอกตรงๆ ฝันค้างแน่นอน

////////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ธรรมชาติวาดเส้นแบ่ง 'แม่น้ำสองสี' ไหลบรรจบในกานซู่
กลุ่มคนจีนยกพวกรุมทำร้ายเพื่อนบ้านเจ็บ 2 ดอดมอบตัวอ้างปากแจ๋ว เหตุเพราะไรเดอร์ส่งปูราคา 4 พันผิดบ้าน
ชาวบ้าน แตกตื่น พบ “ทารก” ใส่ถุงดำทิ้งริมทาง รีบแจ้ง ตำรวจ กู้ภัยฯ ตรวจสอบที่แท้เป็นตุ๊กตายาง
สงขลา แถลงจัด “Songkhla International Marathon 2025” เปิดศึกวิ่งนานาชาติ
ชาวอำเภอบัวเชด เร่งทำบังเกอร์ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ชายแดน
รมช.คลัง ลงพื้นที่ สมุทรสงคราม เปิดตัวโครงการ "ศุกร์ได้ลุ้น สุขได้ออม กับหวยเกษียณ" หนุนการออมด้วยสลากดิจิทัลใบละ 50 บาท

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​