ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.52 น. ได้มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. รวม 13 ฉบับ โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระมีส.ส.ขอหารือและชี้แจง โดยเฉพาะส.ส.พรรคฝ่ายค้านขอหารือกับนายชวน เพื่อขอให้ทบทวนการไม่บรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้าน ว่าด้วยการแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไว้ในระเบียบวาระประชุมรัฐสภ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้หารือก่อนเริ่มการประชุมว่า กรณีที่ประธานรัฐสภาไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ว่าด้วยวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 ว่าด้วยวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยให้เหตุผลทำเป็นหนังสือส่งไปที่พรรคเพื่อไทย มีใจความสรุปว่าคณะที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของประธานรัฐสภาให้ความเห็นข้อเสนอว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของพรรคเพื่อไทย และการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 นั้น เมื่อมีการเพิ่มหมวด 15/1 มีการวินิจฉัยว่าเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ใช่ร่างแก้ไขเพิ่มเติมจึงไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้ต้องชัดเจนในข้อวินิจฉัย จึงทำหนังสือถึงประธานรัฐสภาว่า ขอให้ทบทวนความเห็นและบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ว่าด้วยวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเพิ่มเติมหมวด 15/1 ที่พรรคเพื่อไทยเสนอ การเสนอญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นเพียงกระบวนการหนึ่ง ที่เปิดช่องให้รัฐธรรมนูญ มีหมวดว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อรองรับการจัดทำรัฐธรรรมนูญฉบับใหม่ เพราะหากออกเสียงประชามติแล้วประชาชนเห็นชอบให้ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่กระบวนการต่อไปต้องเปิดช่องที่รัฐธรรมนูญให้มีบทรองรับให้รัฐสภาทำได้ หากไม่บรรจุญัตติดังกล่าว เท่ากับห้ามจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสิ้นเชิง อีกทั้งการเสนอดังกล่าวหากมีผลจะเป็นเพียงการแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และไม่มีผลให้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ต้องถูกยกเลิก และไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของฝ่ายกฎหมายสภาฯ ที่ตีความไปเกินกว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
“การเสนอญัตติเพื่อเปิดช่องให้รัฐธรรมนูญ มีหมวดว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อรองรับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถือว่าต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก ไม่ทราบว่ามีกระบวนการ หรือใครเป็นผู้จัดทำ และประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไร หรือเวลาเท่าไร ครั้งที่สอง คือ ประชามติเพื่อทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และ ครั้งที่สาม หลังจากที่ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ ต้องใช้งบประมาณครั้งละ 3,000 ล้านบาท ขอให้ทบทวนเพราะหลักการของพรรคเพื่อไทยไม่ขัดหรือแย้งต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และควรให้รัฐสภาวินิจฉัยไม่ใช่ประธานรัฐสภาวินิจฉัยเอง ที่ทำให้สมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่ไม่ได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้านนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นสอบถามถึงความชัดเจนกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนที่กำลังมีการรณรงค์ล่ารายชื่อของกลุ่ม Re-Solution “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์”ว่า ขณะนี้ได้ 4 หมื่นรายชื่อเเล้ว อยากสอบถามวิธีปฎิบัติว่า หากภาคประชาชนล่ารายชื่อได้ครบ 5 หมื่นรายชื่อ ก่อนที่รัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจบวาระ 3 ร่างภาคประชาชนจะถูกพิจารณาอย่างไร จะนำมาพิจารณาพร้อมกันได้ไหม หรือดำเนินการอย่างไร
จากนั้นนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ประเด็นการที่บอกว่าพรรคพลังประชารัฐต้องรีบแก้ไข เพราะต้องการยุบสภาฯ เรื่องดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง สิ่งที่เราทำคือเมื่อรู้ว่าไม่สามารถแก้มาตรา 256 และสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินออกมาคือให้แก้เป็นรายมาตราในบางประเด็นที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการทำประชามติ ฉะนั้นเราเห็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 16 มิ.ย. และเป็นปรากฏการณ์ที่ว่ายังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีมากร่างเท่ากับที่เรากำลังจะพิจารณา ทางพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เร่งรีบ เนื้อหาทั้งหมดก็มาจากการพิจารณาของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นผู้ดำเนินการ แล้วจากส่วนหนึ่งก็มาจากจิตวิญญาณของประชาชนเช่นเดียวกัน ซึ่งเขาได้สะท้อนบางสิ่งบางอย่างให้เห็นว่าสิ่งที่เราทำมาจะผ่านหรือไม่ผ่านก็เป็นกระบวนการของรัฐสภา ไม่ใช่กระบวนการคนใดคนหนึ่ง
นายชวน กล่าวชี้แจงว่า กระบวนการพิจารณาญัตติจะมีเจ้าหน้าที่รัฐสภาดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องผ่านฝ่ายที่ปรึกษากฎหมายรัฐสภา ยกเว้นเรื่องสำคัญจะมีที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายช่วยพิจารณา ญัตติดังกล่าวนี้เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นว่า บรรจุไม่ได้จึงส่งให้ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายรัฐสภาช่วยพิจารณาก็มีความเห็นตรงกันว่าบรรจุไม่ได้ จากนั้นส่งมาให้ตนพิจารณา ตนก็พิจารณาด้วยความรอบคอบ เหตุที่ไม่บรรจุญัตติดังกล่าว เพราะมีมาตรา 15/1 เรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ จากการตรวจดูพบว่า หลักการและเหตุผลของญัตตินี้ มีสาระสำคัญเหมือนร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไปแล้วว่า มีผลเป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 และให้ไปทำประชามติก่อนว่า ประชาชนประสงค์ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ดังนั้นจึงมีความเห็นไม่บรรจุ ถ้าบรรจุแสดงว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัย
“2 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครมาสั่งประธานได้ นายกฯ ไม่เคยมายุ่ง ขอให้มั่นใจว่า การวินิจฉัยเป็นไปด้วยความสุจริต ยึดมั่นกฎหมาย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ส่วนร่างภาคประชาชน ถ้าส่งมาเมื่อใดก็จะพิจารณาและบรรจุให้ทันที ไม่มีลับลมคมใน ถ้าไปท้าทายคำวินิจฉัย ด้วยการบรรจุญัตติ ก็เท่ากับตนทำผิดรัฐธรรมนูญ” นายชวน กล่าว