ย้อนอดีตขัดแย้งในประชาธิปัตย์ ก่อนถึงวันไล่จุรินทร์พ้นหัวหน้าพรรค

เริ่มต้นที่ปริญญ์ลวนลามทำอนาจารสตรี ก่อนไฟลามทุ่งลากไส้เรียกร้องกรรมการบริหารพรรคลาออก พุ่งเป้ารื้อล้างไล่บี้บดขยี้จุรินทร์แสดงความรับผิดชอบ ทั้งในฐานะผู้นำพรรคและในฐานะคนชักชวนปริญญ์มาทำงาน ฝ่ายแค้นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านจุรินทร์ได้โอกาสผสมโรงรุกไล่จากเก้าอี้ ย้อนอดีตวันจุรินทร์ผงาดผู้นำพรรคคนที่ 8 ก่อนถึงวันพลิกผัน ถูกลูกพรรคขับไล่พ้นหัวหน้า

ดูเหมือนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สถาบันการเมือง” แห่งแรกแห่งเดียวของไทย ดูเหมือนจะเดินทางมาถึงจุดต่ำสุดอีกคราว ภายหลังเกิดเหตุกรณี ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลเศรษฐกิจ ได้ตกเป็นผู้ต้องหาอนาจารและกระทำชำเราสตรีมากกว่าสิบราย กลายเป็นข่าวใหญ่โตที่ถูกพูดถึงกันทุกวงการ อย่างไรก็ตามมาถึงวันนี้ชัดเจนแล้วว่ากรณีความผิดของปริญญ์ไม่ได้จบที่เขาคนเดียว แต่บัดนี้ได้กลายเป็นไฟลามทุ่งเผาผลาญพรรคประชาธิปัตย์จนแทบจะอยู่กันไม่ได้เพราะร้อนกันไปทั้งพรรค

ทำไปทำมาเรื่องของปริญญ์ดูเหมือนจะถูกพูดถึงน้อยลงไปแล้ว เพราะทุกอย่างผิดถูกก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ถึงยังไงเสียปริญญ์ก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อขึ้น แต่ที่กลายเป็นปมร้อนลุกลามไม่หยุด เห็นจะได้แก่ความพยายามในการไล่บี้กดดันให้กรรมการบริหารพรรครับผิดชอบกับเหตุการณ์ฉาวโฉ่ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของปริญญ์ เที่ยวนี้มีการผสมโรงพุ่งเป้าตรงๆไปที่ตัวหัวหน้าพรรคอย่างจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นของพรรคแบบเต็มๆ ด้านหนึ่งในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบันซึ่งไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบ หรือละเลยกับการกระทำต่ำช้าที่เกิดขึ้นจากฝีมือลูกพรรคของตัวเองได้ อีกด้านหนึ่งจุรินทร์ก็ต้องทำใจยอมรับสภาพตกเป็นเป้าวิจารณ์ในฐานะที่เป็นคนอุปถัมน์ค้ำชูเป็นคนดึงปริญญ์เข้ามาในพรรค แถมถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหัวหน้าพรรค ยกเว้นข้อบังคับพรรคเพื่ออำนวยประโยชน์ให้ปริญญ์เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลเศรษฐกิจใหม่ ทั้งๆที่มีสมาชิกท้วงติงว่าไม่เหมาะสม ทั้งๆที่มีการห้ามปรามพฤติกรรมของปริญญ์ในต่างประเทศที่เคยมีคดีลวนลามสาวในลักษณะนี้มาแล้ว แต่จุรินทร์ก็ไม่ฟังและดื้อตาใสที่จะเอาคนของตัวเองมาคุมเศรษฐกิจของพรรคให้ได้

ที่สุดปริญญ์ก็กลายมาเป็น “จุดสลบ” เป็น “ปมร้อน” ให้คนในพรรค ขั้วเห็นต่าง ฝ่ายตรงข้าม พวกที่อยู่กันคนละมุม หยิบเรื่องนี้มาไล่ทุบไล่บี้จุรินทร์ให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการ “ลาออก” โทษฐานที่รับคนสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ดูไม่เช็คประวัติ หนำซ้ำยังมาก่อเลือกหยาบช้าให้พรรคเสียหายด่างพร้อยมีมลทิน ไล่เรียงพวกที่ออกมาไล่กระทืบจุรินทร์ ท้าทายให้หัวหน้าพรรคตัวเองลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ส่วนใหญ่อ่านชื่อดูก็รู้ ดูหน้าก็เห็นว่าล้วนแล้วแต่เป็น “สายหล่อใหญ่ ก๊วนมาร์ค” ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเทพไท เสนพงศ์ , สาทิตย์ วงศ์หนองเตย , พนิต วิกิตเศรษฐ์ เรื่อยมาจนถึงขนาดไขก๊อกลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเลยของ วิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย และอดีตรองหัวหน้าพรรค ที่ฝากคำเตือนทิ้งท้ายไว้ “อย่าให้พรรคช้ำจนไม่เหลือชื่อประชาธิปัตย์” หรือล่าสุดกับการทิ้งเก้าอี้รองหัวหน้าพรรคของกนก วงษ์ตระหง่าน อ้างเหตุผล “สำนึกทางศีลธรรม” แม้กระทั่งล่าสุดก็มีข่าวว่า 7 ส.ส.หญิงที่เป็นกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ก็เซ็นใบลาออกเรียบร้อยแล้ว แต่ที่สุดก็ถูกผู้ใหญ่ล็อบบี้ขอไว้เพราะกลัวพรรคแตก เรียกว่าชุลมุนวุ่นวายจนเละกันไปหมด ถึงขนาดที่ “นายหัวชวน” ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกโรงมาปรามเสียงดังๆ ให้ทุกคนคิดถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของพรรคบ้าง ถึงขนาดสะบัดมีดโกนอาบน้ำผึ้งถึงสมาชิกพรรคบางคน ” หากไม่ทำประโยชน์แล้วอย่าเป็นตัวถ่วง เอาแต่ตำหนิอย่างเดียว อย่าลืมว่าทุกคนมีวันนี้ได้ มีตำแหน่ง เป็นส.ส.ก็เพราะพรรค มีปัญหาอะไรก็อย่าไปซ้ำเติมต้องช่วยกัน ” ชวนระบุ

กว่าจะถึงวันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของจุรินทร์ในวันนี้ ย้อนอดีตกลับไปดูเส้นทางและที่มาของจุรินทร์ก็จะรู้ปมเหตุแห่งการออกมารุกไล่หัวหน้าพรรคตัวเองในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี 15 พ.ค.2562 พรรคประชาธิปัตย์จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ไม่ถึง 2 เดือนภายหลังพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้การเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 24 มี.ค.2562 แบบหมดรูป ถึงขนาดที่ “อ.มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก จากที่เคยเป็นพรรคหัวแถวของการเมืองไทย แต่ก็กลายสภาพมาเป็นพรรคต่ำร้อย ได้คะแนนทั่วประเทศแค่ 3,960,128 คะแนน ตกมาเป็นพรรคการเมืองอันดับ 4 ทั่วประเทศได้ส.ส.แค่ 53 คน แบ่งเป็นส.ส.เขต 33 คน บัญชีรายชื่อ 20 คน ใต้ได้ส.ส. 22 คน อีสานได้ส.ส. 2คน เหนือได้ส.ส. 1 คน ส่วนกทม.สูญพันธุ์ ด้วยเหตุที่อภิสิทธิ์ยืนกรานรักษาประชาธิปไตยจนตัวตาย ไม่ขอสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารขึ้นเป็นนายกฯ ส่งผลให้คนไทยเททิ้งพรรคประชาธิปัตย์แบบหลุดลุ่ย อภิสิทธิ์รับสภาพต้องไขก๊อกจากการเป็นหัวหน้าพรรค

ชั่วโมงนั้นก็ได้จุรินทร์นี้แหละนั่งเป็นรักษาหัวหน้าพรรคแทน ก่อนประกาศลงชิงชัยหัวหน้าพรรคคนใหม่ต่อจากอภิสิทธิ์ โดยมีคู่เทียบชิงหัวหน้าพรรคอีก 3 คนประกอบด้วย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคย์ กรณ์ จาติกวณิช และ อภิรักษ์ โกษะโยธิน อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งปรากฎว่า จุรินทร์อดีตส.ส.พังงา 11 สมัย อดีตรัฐมนตรี 5 กระทรวง ผงาดขึ้นเป็นหัวพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 8 โดยทิ้งห่างคู่แข่งคนอื่นๆ ไม่เห็นฝุ่น ดังนี้ 1.จุรินทร์ได้ 135 คะแนน คิดเป็น 50.59 % 2.พีระพันธุ์ได้ 83 คะแนน คิดเป็น 37.21% 3.กรณ์ได้ 14 คะแนน คิดเป็น 8.48 % และ 4.อภิรักษ์ได้ 8 คะแนน คิดเป็น 3.69 % โดยการโหวตในวันนั้นมีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกหัวหน้าพรรค (โหวตเตอร์) 309 คน จาก 19 กลุ่ม แต่ในวันดังกล่าวมีผู้มาเข้าร่วมประชุมแค่ 291 คนเท่านั้น โดยการโหวตแบ่งเป็นคะแนนของส.ส. 52 คน คิดเป็น 70 % หรือเฉลี่ยคนละ 1.346 คะแนน ส่วนโหวตเตอร์จากกลุ่มอื่นๆมีค่าน้ำหนักในการโหวต 30 % หรือคิดเป็น 1 คนต่อ 0.116 คะแนน จุรินทร์ชูจุดขาย “พรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนอย่างมีวุฒิภาวะ” เขาประกาศจุดยืนในตอนนั้นถ้าให้โอกาสเป็นหัวหน้าพรรคจะพาพรรคประชาธิปัตย์กลับไปเป็นที่ 1 ในใจของประชาชน อะไรดีก็ต้องรักษาไว้ อะไรสมควรเหลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน ” จุรินทร์ชนะการโหวตได้เป็นหัวหน้าพรรคด้วยเหตุที่ชวนหนุนหลัง ประกอบกับอภิสิทธิ์ตัดสินใจหักดิบด้วยการพาพรรคพวกทิ้งกรณ์ที่สนับสนุนมาโดยตลอด หันมาเทคะแนนให้จุรินทร์แทน เพราะไม่อยากให้พีระพันธุ์ชนะการเลือกตั้งขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เพราะแนวทางของพีระพันธุ์ในตอนนั้นชัดเจนว่าจะพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อภิสิทธิ์จึงต้องจำใจทิ้งกรณ์ไปหนุนจุรินทร์จนได้เป็นหัวหน้าพรรคในที่สุด ความร้าวฉานแตกหักในยุคจุรินทร์ที่เกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มต้นด้วยประการฉะนี้
////////////////////////////

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ธรรมชาติวาดเส้นแบ่ง 'แม่น้ำสองสี' ไหลบรรจบในกานซู่
กลุ่มคนจีนยกพวกรุมทำร้ายเพื่อนบ้านเจ็บ 2 ดอดมอบตัวอ้างปากแจ๋ว เหตุเพราะไรเดอร์ส่งปูราคา 4 พันผิดบ้าน
ชาวบ้าน แตกตื่น พบ “ทารก” ใส่ถุงดำทิ้งริมทาง รีบแจ้ง ตำรวจ กู้ภัยฯ ตรวจสอบที่แท้เป็นตุ๊กตายาง
สงขลา แถลงจัด “Songkhla International Marathon 2025” เปิดศึกวิ่งนานาชาติ
ชาวอำเภอบัวเชด เร่งทำบังเกอร์ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ชายแดน
รมช.คลัง ลงพื้นที่ สมุทรสงคราม เปิดตัวโครงการ "ศุกร์ได้ลุ้น สุขได้ออม กับหวยเกษียณ" หนุนการออมด้วยสลากดิจิทัลใบละ 50 บาท

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​