รวบ’อดีตผู้ใหญ่บ้าน’คดีจ้างมือปืนยิงถล่ม หลบหนีโทษประหาร

เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม จับกุมอดีตผู้ใหญ่บ้าน หลังก่อเหตุจ้างวานมือปืนยิงถล่ม สจ.สุราษธานี ก่อนหลบหนีโทษประหารชีวิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม นำกำลังจับกุม นายชาญณรงค์ หรือ จุก หรือ นายชิน อายุ 79 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายจับของศาลจังหวัดไชยา ลงวันที่ 5 พ.ย.2546 ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง” ได้ที่ ริมถนน ในพื้นที่ ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์

สืบเนื่องจากเมื่อปี 2540 ขณะที่ นายชาญณรงค์ ผู้ต้องหารายนี้ยังมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ม. 7 ต.ท่าชนะ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี และ น.ส.โสภิตา ทุ่มทวน ภรรยา ที่ร่วมกันก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจํากัด สุราษฎร์วังทองก่อสร้าง ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง ขึ้นมา ได้ว่าจ้างกลุ่มมือปืนจำนวน 4 คน ใช้อาวุธปืนสั้นและลูกซองถล่มยิง นายสิทธิโชค ธรรมเดชะ สจ.สุราษฎร์ธานี ในขณะนั้น จนเสียชีวิตคาที่หน้าบ้านพักในพื้นที่ ต.วัง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี

โดยมูลเหตุการสังหารโหดดังกล่าวมาจาก ก่อนหน้าห้างหุ้นส่วนจํากัด สุราษฎร์วังทองก่อสร้าง ของผู้ต้องหา ได้ชนะการประมูลงานโครงการขุดลอกคลองตลิ่ง ของกรมพัฒนาที่ดิน ได้รับว่าจ้างดำเนินโครงการดังกล่าว แต่ระหว่างดำเนินงานได้นําเครื่องจักรกลขนาดใหญ่เข้าทำงานขุดลอกคลองตลิ่ง ส่งผลให้พืชผลของชาวบ้านบริเวณริมคลองได้รับความเสียหาย ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันแจ้งเรื่องต่อนายสิทธิโชค ผู้ตาย ซึ่งเป็น สจ.สุราษฎร์ธานี ในขณะนั้นให้เข้ามาช่วยตรวจสอบ ก่อนผู้ตายจะพากลุ่มชาวบ้านเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จนมีคำสั่งให้ระงับโครงการ ชั่วคราว ส่งผลให้นายชาญณรงค์ ผู้ต้องหารายนี้ และ น.ส.โสภิตา โกรธแค้น และนำมาสู่การว่าจ้างมือปืนสังหารโหดดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมกลุ่มมือปืนทั้ง 4 คนได้ ก่อนให้การซักทอดเชื่อมโยงมาถึง นายชาญณรงค์ และ น.ส.โสภิตา ว่าเป็นผู้ว่าจ้างด้วยเงินจำนวน 250,000 บาท ต่อมาหลังทราบเรื่องว่าจะมีการขยายผลเอาผิดถึงตัวผู้ว่าจ้าง นายชาญณรงค์ และ น.ส.โสภิตา จึงติดต่อเข้ามอบตัวสู้คดี ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจําคุก กลุ่มมือปืนผู้ก่อเหตุตลอดชีวิต ส่วนนายชาญณรงค์ และ น.ส.โสภิดา ผู้จ้างวาน ถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต กระทั่งเมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกา ปี 2546 นายชาญณรงค์ และ น.ส.โสภิดา ได้ยื่นขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 1,000,000 บาท แต่เมื่อได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวกลับมีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาฟังคําพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งมีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต จึงมีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว นายชาญณรงค์ ได้ทำการเปลี่ยนชื่อ เพื่อให้ยากต่อการติดตาม ก่อนหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ประกอบอาชีพขายต้นโกโก้ เรื่อยมา นานกว่า 10 ปี จนคดีคงเหลืออายุความอีกเพียงแค่ 1 ปี 10 เดือน จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบจนนำมาสู่การจับกุมตัวได้ในที่สุด ทำให้ขณะนี้คงเหลือเพียง น.ส.โสภิตา ผู้ต้องหาอีกรายที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี

จากการสอบถาม นายชาญณรงค์ เบื้องต้นให้การรับสารภาพ และยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เบื้องต้นจึงนำตัวส่งศาลจังหวัดไชยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เริ่มแล้ว! "เสน่ห์สงขลา ลดค่าครองชีพ" รวมของจำเป็นราคาประหยัด
"นิด้าโพล" เผยคนไทยไม่เอา "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์+กาสิโน" หนุนทำประชามติก่อน
เดินเครื่องเต็มที่ สะพัด "นายกฯ" นัดถกพรรคร่วมฯ แจ้งผลปรับครม. เกลี่ยโควต้าภูมิใจไทย ชื่องูเห่าไทยสร้างไทยโผล่ด้วย
"ทรัมป์" แจ้งข่าว สหรัฐฯบอมบ์โรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน
คณะรวมพลังแผ่นดินฯ นัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. เลือก "อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ" เป็นสถานที่จัดกิจกรรม
สื่อกัมพูชาสุดแสบ แพร่ข่าวโจมตีไทยเป็นช่องผ่านค้ามนุษย์ ธุรกิจมืด เอาคืนโดนแฉเขมรคือศูนย์กลางใหญ่สแกมเมอร์
"รวบ 2 สาวนักพนัน" ชาวไทย จากบ่อนปอยเปต ลอบเข้าช่องทางธรรมชาติชายแดนไทย-กัมพูชา
แม่ทัพภาคที่ 2 จ่อลงนามปิดอีก 2 ด่านชายแดนไทย “ช่องสะงำ-ช่องจอม” เพื่อความปลอดภัยปชช.
มาหนักแน่ 42 จังหวัดรับมือฝนถล่ม เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน กทม.ไม่รอด ฝนหนัก 60 %
‘ฮุน มาเนต’ เดือดจัด สั่งปิดชายแดนไทย-กัมพูชา 2 จุดถาวร ตอบโต้ไทยปิดด่านสายตะกู

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น