ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 กลุ่มเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพประชาชน พร้อมด้วยแกนนำชุมชน กทม. ใกล้แค้มป์คนงานก่อสร้าง และมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล จำนวน12 คน นำโดย นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพประชาชน ยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) หรือ ศบค. ให้รักษาตลาดสด ตลาดนัดและตลาดนอกระบบ ให้คงอยู่เป็นแหล่งอาหารของชาวบ้านและประชาชน โดยมีข้อเสนอ 1.ให้ ศบค.เร่งตรวจโควิด-19 ในกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า และลูกจ้างในตลาด รวมถึงการจัดหาวัคซีนให้กับคนกลุ่มนี้เช่นเดียวกับบุคลากรด่านหน้าที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ตลอดจนพิจารณามาตรการช่วยเหลือเยียวยา พ่อค้า แม่ค้าตลาดที่ถูกคำสั่งปิดดำเนินการ และควรกำหนดให้มีระยะเวลาในการจัดการตามมาตรฐานสาธารณสุข ฟื้นฟูตลาดในเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อให้ตลาดกลับมาเปิดทำการได้โดยเร็ว โดยระมัดระวังมิให้มีการเคลื่อนย้ายผู้ใช้แรงงานในตลาดที่ถูกสั่งปิด
2 .ขอให้กรุงเทพมหานครและทุกจังหวัด เร่งตรวจสอบตลาดเพื่อให้เคร่งครัดต่อมาตรการจำกัดทางเข้าออกสำหรับคัดกรองวัดอุณหภูมิบุคคลที่เข้าตลาดอย่างเข้มข้น ต้องทำให้ได้ทุกตลาด ไม่ไช่แค่คัดกรองแค่ผู้ซื้อ รวมถึงให้มีการสุ่มตรวจตลาดอย่างสม่ำเสมอ และขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสตลาดที่ขาดความรับผิดชอบ 3.ขอให้กรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดเร่งสำรวจตลาดที่อยู่นอกระบบ และไม่มีการขึ้นทะเบียน ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในทุกเขตทุกพื้นที่ เพื่อให้เข้าสู่ระบบ และกำหนดมาตรการควบคุมโควิด -19 เช่นเดียวกับตลาดที่ขึ้นทะเบียน อย่างไม่เลือกปฏิบัติ
ส่วนกรณีคนงานก่อสร้างและแคมป์คนงานใกล้ชุมชน ทางกลุ่มมีข้อเสนอ คือ 1. กรณีคนงานก่อสร้างหรือแคมป์คนงานที่อยู่ใกล้ชุมชน เครือข่ายเรียกร้องให้บริษัทผู้รับเหมา ออกมาแสดงความรับผิดชอบให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ขอให้มีการชี้แจงสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนถึงมาตรการควบคุมโควิด-19 ทั้งในแคมป์และชุมชนใกล้เคียงเพื่อลดความหวาดระแวง สร้างการมีส่วนร่วมซึ่งนั่นอาจนำไปสู่การช่วยเหลือเกื้อกูลของชุมชนได้ หากมีกระบวนการที่ถูกต้อง อาทิ การประสานแกนนำชุมชนร่วมกันสำรวจคนงานที่เข้ามาอาศัยในพื้นที่ เพื่อออกแบบการช่วยเหลือ เฝ้าระวัง เป็นต้น
2. ในหลายแคมป์คนงานที่มีการกักตัวกลับพบว่า มีคนงานบางส่วนออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้านนอก มาจับจ่ายซื้อของ รวมถึงแอบมาตั้งวงรวมกลุ่มกันกินดื่ม ซึ่งสร้างความกังวลอย่างยิ่งกับชุมชน จึงขอเรียกร้องให้บริษัทผู้รับเหมา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับความเข้มข้นในการควบคุม และควรให้ความช่วยเหลือคนงานให้เต็มกำลัง มิใช่โยนทุกอย่างไปที่ผู้รับเหมาช่วง 3.ในกลุ่มแรงงานที่ผิดกฎหมายต้องเร่งสร้างความไว้วางใจและชัดเจนในการแก้ไขปัญหาโควิด-19มากกว่าการมุ่งจับกุม เพื่อป้องกันการหลบหนีซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ควบคุมได้ยาก