No data was found

“เจ้จ๋า” เศรษฐินีใจบุญ ควงหมอแพทย์แผนไทยประยุกต์ “บ่งต้อ-พอกเข่า” ช่วยชาวบ้าน

กดติดตาม TOP NEWS

วันที่ 14 ม.ค. 2565 ที่ห้างผ้าโชคดี เลขที่ 1410/6 ถนนชมพูพล ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนเดินทางมาขอรับบริการ “บ่งต้อ -พอกเข่า” รักษาตาที่เป็นต้อและมีปัญหาสายตาทุกชนิดและอาการปวดเข่าด้วยแพทย์แผนไทยโบราณ โดยมีนางอัมพาพันธ์ นิลประภา หรือ “เจ้จ๋า” เศรษฐินีใจบุญ เจ้าของห้างผ้าโชคดีและบริษัทในเครือ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเสรีรวมไทย จ.นครศรีธรรมราช คอยให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มารับบริการอย่างเป็นกันเองโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และยังจัดน้ำชา กาแฟ อาหารว่างไว้บริการประชาชนที่มาขอรับบริการฟรีอีกด้วย

นางอัมพาพันธ์ นิลประภา กล่าวว่าที่มาที่ไปของโครงการนี้ว่า ตนอายุ 68 ปีแล้ว มีปัญหาเรื่องสายตาและข้อเข่า ต่อมาอาจารย์อนุวัฒน์ ปานอ่อน ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย เขต 1 นครศรีธรรมราช ได้แนะนำให้ตนเข้ารับการรักษาที่คลินิก 3033 แพทย์แผนไทยประยุกต์ ของแพทย์หญิงอิศรารัตน์ พุ่มทอง หรือ “หมอเฟิร์น” ที่เปิดคลินิกอยู่ใน จ.สุราษฏร์ธานี จึงตัดสินใจพิสูจน์ด้วยตัวเองปรากฏว่าปัญหาเรื่องสายตาและข้อเข่าของตนหายขาด ดวงตาสว่างไสว ไม่พร่ามั่ว ส่วนข้อเข่าก็หายขาด ตนสามารถเดิน วิ่งออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี จึงคิดว่าจะนำโครงการนี้มาคืนความสุขให้กับประชาชนชาวนครศรีธรรมราช จึงขอให้แพทย์หญิงอิศรารัตน์ หรือ “หมอเฟิร์น”พร้อมทีมแพทย์และพยาบาลมาเปิดคลินิกที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยตนได้เรียนปรึกษากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เพื่อทำโครงการนี้ในนามของ “ห้างผ้าโชคดีและพรรคเสรีรวมไทย” โดยตนจะเป็นผู้ออกค่าใช่จ่ายเองทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อต้องการคืนกลับผลประโยชน์ให้กับชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช “คืนสายตาที่สว่างไสว- คืนข้อเข่าให้เดินได้ตามปกติ”ทำให้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง


สำหรับแพทย์หมอหรือแพทย์ที่ให้บริการรักษาตำตำรับแพทย์แผนไทยประยุกต์ ประกอบด้วย แพทย์หญิงอิศรารัตน์ พุ่มทอง หรือ “หมอเฟิร์น” เจ้าของคลินิก 3033 แพทย์แผนไทยประยุกต์ ปัจจุบันตั้งอยู่ในหมู่บ้านนครเลควิว จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สาขา การแพทย์แผนไทยประยุกต์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำหรับการรักษาปัญหาเกี่ยวกับสายตา สายตาสั้น ยาว ตราพร่ามั่ว น้ำตาไหล เป็นต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อลม ด้วยวิธีการ “บ่องต้อ และอาการปวดข้อเข่า ด้วยวิธีพอกเขา”ด้วยยาสมุนไพรไทยโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งตามปกติในการรักษาบ่งต้อครั้งละ 450 บาท พอกเข่าข้างละ 300 บาท/ครั้ง ประชาชนที่มารับการรักษาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง หรือ คอร์ดละ 3 ครั้ง โดยเฉพาะตัวยาสมุนไพรที่นำมาบดเพื่อใช้รักษาข้อเข่ามีราคาแพงลิ่วถึง กก.ละ 5,000 บาทเลยทีเดียว

โดยโครงการนี้ได้เริ่มขึ้นหลังจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมทีมผู้บริหารพรคเสรีรวมไทย ได้เดินทางมาเปิดโครงการ“บ่งต้อ-พอกเขา” และเปิดตัวนางอัมพาพันธ์ นิลประภา หรือ “เจ้จ๋า” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเสรีรวมไทย จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2564 โดยเปิดคลินิกชั่วคราวที่วัดท่งแย้ หมู่ 6 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับผู้ป่วยที่มีปัญหาสายตาและข้อเข่าเข้ารักษาจำนวน 30 คนๆละ 1 คร์อส 3 ครั้ง ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาบางรายตาเป็นต้อมองแทบไม่เห็น บางรายเดินไม่ได้นอนอยู่กับที่มานานนับเดือนและแพทย์แผนปัจจุบันนัดผ่าตัดเปลี่ยนสะบ้าหัวเข่า แต่หลังจากเข้ารับการรักษาในครั้งแรกครั้งเดียว อาการดีขึ้นและเมื่อครบคอร์ส 3 ครั้งอาการหายจนเกือบเป็นปกติ สายตาที่มองแทบไม่เห็น และข้อเข่าที่ปวด บวม อักเศษ เดินไม่ได้ ปรากฏว่าคนที่ผ่านการบ่ต้อสายตากลับมามองเห็น 70-80 เปอร์เซนต์ ส่วนผู้ป่วยที่เขารับการพอกเข่า ก็กลับมาเดินได้ 70-80 เปอร์เซนต์ เช่นกัน สร้างความดีใจให้กับผู้ป่วยทุกคนเป็นอย่างมาก


อย่างไรก็ตามหลังจากมีประชาชนเข้ารับการรักษาและเล่าลือกันว่าอาหารดีขึ้นและหายจริง ๆ ทำให้มีการวิพากวิจารณ์เล่าลือกันในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง และมีการร้องเรียนสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการหลอกลวงชาวบ้าน ทางคณะสื่อมวลชนกว่า 10 คนจึงเดินทางไปตรวจสอบติดตาม สังเกตุการณ์การรักษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่าทุกคนที่เข้ารับการรักษาทางพยาบาล จะเริ่มต้นด้วยการตรวจวัดความดันโลหิต จากนั้นจะรับกล้วยน้ำหว้า 1 หวี เทียนชัยขนาดเล็ก 1 เล่ม เงิน 12 บาท เพื่อบูชาครู จากนั้นเมื่อ และถึงคิวรักษาผู้ป่วยจะนำสิ่งของทั้งหมดไปมอบให้แพทย์หญิงอิศรารัตน์ หรือ“หมอเฟิร์น” โดย“หมอเฟิร์น” จะกล่าวตั้งนะโม 3 จบและกล่าวคาถาบูชาระลึกพ่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์หรือหมอประจำตัวองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปฐมบรมครูด้านการแพทย์แผนโบราณ ก่อนทำการรักษาด้วยการ “บ่งต้อ-พอกเข่า” โดยการบ่งต้อ “หมอเฟิร์น” จะทำการรักษาด้วยตัวเองเพราะในจังหวัดนครศรีธรรมราชมี“หมอเฟิร์น”เพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความเชี่ยวชาญสามารถบ่องต้อได้ ส่วนการพอกเข่าจะมีแพทย์หญิงสุภารัตน์ จงใจ หรือ “หมอพรีม”พร้อมทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ช่วยกันดำเนินการพอกเข่าให้ผู้ป่วยด้วยยาสมุนไพรไทย เมื่อพอกเข่าและพันทับด้วยพลาสติกแรปที่ใช้ห่ออาหาร และนำกะละมังใส่น้ำยาสมุนไพรมาให้ผู้ป่วยแช่เท้าไปแพร้อม ๆ กันด้วยใช้เวลาในการแชร์เท้าประมาณ 1 ชม. แต่ตัวยาที่พอกเข่าจะไม่แกะออกจนกว่าตัวยาจะแห้ง อาจจะใช้เวลามากกว่า 8 ชม.ซึ่งผู้ป่วยจะเดินทางกลับไปบ้านและแกะออกเองได้ในภายหลัง


สำหรับการบ่องต้อนั้นเมื่อบูชาครูเรียบร้อยแล้ว“หมอเฟิร์น”จะใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ ทำความสะอาดแผ่นหลังของผู้ป่วยก่อนจะใช้สายตาสำรวจหาจุดที่เรียกว่า “รากต้อ” ที่จะทำการบ่งต้อ โดยต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการพิจารณาหาจุด “รากต้อ”แต่ละจุด เนื่องจากแผ่นหลังของผู้ป่วยอาจจะมีจุดต่าง ๆ มากมายหลายประเภท เช่น สิว หูด ไฝ เป็นต้น บางครั้งต้องใช้ไฟฉายส่งหาจุดรากต้อ เมื่อได้จุดแล้วจะนำปากกามาวงเพื่อให้จำได้ง่าย จากนั้นจะใช้หนามหวายขลิง มาจิ้มแทงเขี่ยจุดรากต้อคล้ายเขี่ยหนามตำเท้า (ภาคใต้เรียกว่า “บ่ง” )จนพบเส้นใยสีขาวเป็นกระจุกคล้ายรากผักชี โดยรากต้อที่พบจะเหนียวมากน้อยขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละคนและรากดังกล่าวเป็นรากของต้อชนิดไหน โดย“หมอเฟิร์น”ใช้หนามหวายขลิงบ่งเขี่ยดึงจนรากต้อขาดก่อนจะใช้เหล็กหนีบดึงรากต้อออกมาวางด้านนอกทำแบบเดียวกันครั้งละ 3-4 จุด บางรายจะมีเลือดออกเล็กน้อยเหมือนการบีบหรือแกะหัวสิว ทุกขั้นตอนจะกระทำอย่างละเอียด รอบคอบ ระมัดระวังเป็นพิเศษและหลังการบ่งต้อให้ผู้ป่วยแต่ละรายแต่ละครั้ง“หมอเฟิร์น”จะรวบรวมหนามหวายขลิง สำลี ที่ใช้เฉพาะของผู้ป่วยแต่ละรายมาวางบนจุดหรือแผลแต่ละแผล ตั้งนะโม 3 จบและกล่าวคาถาบูชาระลึกถึงพ่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ จึงเสร็จสิ้นการ“บ่งต้อ” รักษาดวงตาแต่ละครั้ง


ในที่สุดคณะสื่อมวลชนที่ส่วนใหญ่ก็มีปัญหาสายตาและข้อเข่าเช่นกัน จึงตัดสินใจเข้ารับการรักษา “บ่องต้อ-พอกเข่า” ด้วยปรากฏว่าหลังการรักษาเพียงครั้งแรกจะรู้สึกได้ชัดเจนว่าดวงตามองเห็นได้อย่างชัดเจน ดวงตามองเห็นชัดมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะที่ข้อเข่าที่เคยปวดเดินยากลำบากก็มีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน โดยทางคณะสื่อจึงเข้าคร์อส“บ่งต้อ-พอกเขา”รักษาให้ครบ 3 ครั้ง ในส่วนของประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนสมัครเข้ารับการรักษาในโครงการได้ครั้งต่อไปเริ่มวันที่ 18 ม.ค.2565 ณ.ห้างผ้าโชคดี เลขที่ 1410/6 ถนนชมพูพล ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โทร.สอบถามและสมัครลงทะเบียนรักษาได้ที่เพจ Oampaphan Ninprapha (อัมพาพันธ์ นิลประภา) หรืออาจารย์อนุวัฒน์ ปานอ่อน ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย เขต 1 นครศรีธรรมราช โทร096 654 4777 โดยผู้สื่อข่าวจะติดตามรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ มานำเสนอต่อไป.


กัญญาณัฐ  เพ็ญสวัสดิ์/ จ.นครศรีธรรมราช

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ด่วน !! เกิดเหตุถนนยุบตัวเป็นโพรงขนาดใหญ่ จากท่อร้อยสายไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
อัลจาซีรา จอดำ อิสราเอล สั่งปิด-ยึดอุปกรณ์
สมเด็จธงชัย อัญเชิญแท่นวัชรอาสน์ จากเมืองพุทธคยาประเทศอินเดียมาประดิษฐานณ ลานธรรมหลวงปู่ทวด ที่วัดแหลมแค อ.พานทอง จ.ชลบุรี มี พระอาจารย์แก้ววัดตะโกมีเกจิดังร่วมพิธีอีกมากมาย ชาวบ้านแห่ส่องทะเบียนรถบรรทุกและรถเครนที่ยกแท่นลุ้นโชค
"ธันวา" จวกแรง "โน้ส อุดม" หลังๆ หยาบ เหยียด ลามปามเยอะ
2 แม่เล้าออนไลน์ เปิดบ้านเช่าส่งเด็กค้ากาม "สอบสวนกลาง" ตามรวบ
เสี้ยววินาที บิด จยย. เจอพ่วงข้างหน้าตัดหน้าชนกระเด็นทั้งคนทั้งรถเจ็บทั่งคู่
ทึ่ง เหล็กไหลขนาดใหญ่จากกัมพูชา ร่วมในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคล 20 กว่าเกจิคณาจารย์ ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตกับ "หลวงปู่เฮง ปภาโส" อย่างเข้มขลัง
"คาเฟดังเขาใหญ่" ออกโรงแจงละเอียดยิบ โดนลูกค้ารีวิว 1 ดาว บอกพนง.พูดจาแย่ เจอกระแสตีกลับขุดประวัติเคยขโมยของ
“ทนายอนันต์ชัย” ยกหลักกาลามสูตร 10 ข้อ เขย่า “แก๊งเชื่อมจิต” ลั่นต้องตื่นรู้ อย่าโง่ติดกับดักลัทธิเถื่อน
เตรียมรับมือ "อุตุฯ" ประกาศเตือน 48 จังหวัด "พายุฤดูร้อน" ถล่มหนัก ลมกระโชกแรง กทม.ไม่รอด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น