No data was found

“จุรินทร์” เร่งผลักดันการค้าทุกตลาด หนุนส่งออกปี 64 โตได้เกิน 4%  

กดติดตาม TOP NEWS

รมว.พาณิชย์ ปลื้มส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง เม.ย. บวก 13.09% จับมือภาคเอกชนและกระทรวงเกษตรฯ ผลักดันเป้าหมายส่งออกทั้งปี 64 ขยายตัวเกิน 4%  มุ่งยุทธศาสตร์ “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ฟื้นตลาดที่เสียไปกลับคืนมา”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ TOPNEWS ถึงสถานการณ์ส่งออก ว่า การส่งออกขณะนี้ ถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะเดิมมีการท่องเที่ยวที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญอีกตัวหนึ่ง แต่ขณะนี้ต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวยังเดินหน้าไม่ได้ โดยเฉพาะการรับนักท่องเที่ยว Inbound หรือนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ตัวขับเคลื่อนจึงเหลือแค่การส่งออก ที่นำรายได้เข้าประเทศ

ซึ่งการส่งออกในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  กระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ  จากเงื่อนไข 2 ข้อ คือ

  1. ภาวะเศรษฐกิจโลก หลังได้รับวัคซีน เริ่มกระเตื้องขึ้น
  2. การบริหารจัดการทางด้านการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ประสบความสำเร็จ ซึ่งได้มีการจับมือใกล้ชิดกับภาคเอกชน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการทำงานร่วมกันในรูปคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) มีการหารือกำหนดเป้าหมายร่วมกัน มีการแก้ปัญหาร่วมกัน และผลักดันตลาดร่วมกัน

จนในที่สุด ตัวเลขส่งออกที่ออกมา ได้พ้นจุดต่ำสุดในกลางปี 2563ไปแล้ว ซึ่งตัวเลขต่ำสุดในกลางปีที่แล้ว เดือนมิ.ย. ติดลบ 23% เพราะช่วงดังกล่าวการระบาดของโควิด-19 กำลังแรงมาก และค่อยๆ กระเตื้องขึ้นมาติดลบน้อยลง มาถึงเดือน ก.ค.ติดลบ 17%  ส.ค. ติดลบ 11% ก.ย. ติดลบ 7% และเริ่มกลับมาเป็นบวก ในเดือนธ.ค. ต่อเนื่องจากจนถึงเดือนมี.ค.64 ที่บวกถึง 8.47%

และในเดือนเม.ย. การส่งออก ขยายตัวได้ 13.09% ถือว่าตัวเลขดีขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการนำรายได้เข้าประเทศ และช่วยให้จีดีพีของไทยปีนี้ ไม่ติดลบเหมือนปีที่แล้ว

 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการส่งออกปีนี้ ที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 4% เชื่อว่าจะทำได้เกินเป้า ถ้าถามว่า แล้วจะมีการปรับเป้าไหม ขอตอบว่า ยังไม่ปรับ แต่ไม่ได้แปลว่าถ้าเป้าอยู่ที่ 4% แล้ว เราจะไม่ทำอะไรแล้ว ไม่ใช่ เป้าหมายหลักก็คือ จะทำให้เกิน 4% ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉะนั้น จะปรับเป้าหรือไม่ปรับเป้า ความพยายามเราก็ไม่ลดลง จะร่วมมือกับเอกชนและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการผลักดันการส่งออก และทำตัวเลขเงินได้เข้าประเทศต่อไป

ในปี 63  การส่งออกมีมูลค่ารวม 231,468.44 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -6.01% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 206,991.89 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -12.39% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 24,476.55 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตัวเลขส่งออกที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ส่วนใหญ่จะเป็น อาหาร สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน(Work from Home)  เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ยางที่นำไปใช้ผลิตเครื่องมือแพทย์ ถุงมือยาง  รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด อาหารสัตว์เลี้ยงก็มีความจำเป็น โดยขยายตัวดีมาตลอดตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จนถึงขณะนี้ รวมถึงรถยนต์ ซึ่งขยายตัวดีมาโดยตลอด

สำหรับประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยในปัจจุบัน อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป และอาเซียน

นอกจากนี้ ยังมีตลาดใหม่ที่เตรียมการไว้ทั้งรัสเซีย  กลุ่มประเทศยูเรเซีย ซึ่งแตกตัวมาจากรัสเซีย แม้แต่มองโกเลีย ซึ่งเพิ่งมีการเจรจามีการกับท่านทูตมองโกเลีย  โดยตั้งเป้าจะขยายตลาดที่มองโกเลีย เพื่อให้มองโกเลียเป็นประตูไปสู่รัสเซีย กับกลุ่มประเทศยูเรเซีย เป็นต้น  โดยการส่งออกไปรัสเซีย อาหารจะเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะรัสเซียผลิตอาหารพืชผลทางการเกษตรได้เฉพาะช่วงที่ไม่ใช่ฤดูหนาว โดยปลูกได้ในช่วงเวลาจำกัด และปลูกพืชได้บางชนิด เพราะฉะนั้น  อาหารจากประเทศไทยถือว่ามีบทบาทสำคัญในการขยายรัสเซียเป็นตลาดนำเข้าได้สูงมาก อย่างไรตาม มูลค่าส่งออกขณะนี้ยังไม่เยอะมาก ยังถือว่าเป็นตลาดใหม่

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการแบ่งตลาดเป็น 3 ส่วน คือ ตลาดเดิม ตลาดใหม่ และตลาดที่เคยเป็นตลาดแต่เสียไป ภายใต้ยุทธศาสตร์ “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ และฟื้นตลาดที่เสียไปกลับคืนมา”  ซึ่งตลาดที่เคยมีอยู่และเสียไป ยกตัวอย่างเช่น ตลาดตะวันออกกลางบางประเทศ อาทิ อิรัก ซึ่งเคยซื้อข้าวของไทย หลังช่วงโครงการจำนำข้าว ก็ไม่ซื้อ เพราะบางบริษัท ไม่ส่งข้าวไปตามคุณภาพที่กำหนด โดยขณะนี้ได้ส่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศไปเจรจา ทางอิรักก็ยอมรับที่จะค้าขายกับไทยใหม่ ตอนนี้ข้าวไทยก็เข้าไปประมูลในอิรักได้แล้ว

 

อีกตลาดหนึ่งคือ ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ในตะวันออกกลาง และสามารถเป็นประตูไปสู่ประเทศอื่นในกลุ่มตะวันออกกลางได้ด้วย หลังจากที่เราเริ่มฟื้นความสัมพันธ์ใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ขณะนี้ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์เกาะติดร่วมกับเอกชนเพื่อที่จะเริ่มค้าขายกันใหม่กับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าในทางที่บวก ในเวลาไม่นานนี้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ภูมิธรรม" รับเพิ่งทราบ "ปานปรีย์" ลาออกรมว.ต่างประเทศ เชื่อการทำงานไม่สะดุด ไม่กระทบเพื่อไทย
สลด ผู้สูงอายุ วัย 65 ปี เสียชีวิตปริศนากับพื้นปูนคอนกรีตตรวจสอบยังพบว่าผิวหนังลอกออกคาดเกิดจากสาเหตุอากาศร้อน
ชาวบ้านร้องเรียน น้ำเสียทะลักขึ้นจากพื้น ส่งกลิ่นเหม็น อวด นทท.
รู้จัก "จิราพร" รมต.ป้ายแดง DNA "สินธุไพร" อดีต สส.เสื้อแดง ผลงานแน่นไม่แพ้ใคร
"ครอบครัว" สุดเศร้าไร้ปาฎิหาริย์ ร่วมรับร่าง "ดาบตาร์" กลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
"Thailand Biennale" Chiang Rai 2023 ฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จัดพิธีมอบธงสัญลักษณ์ให้ จ.ภูเก็ต เจ้าภาพจัดงานในปี 2025
"ท่านใหม่" ห่วงใยสุขภาพ "บิ๊กจิ๋ว" เตรียมเข้าเยี่ยมพร้อมอวยพรวันเกิด 2 พ.ค.นี้
เปิดโปรไฟล์ "เผ่าภูมิ" ขุนพลเศรษฐกิจเพื่อไทย รมช.คลังคนใหม่
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชวนชมโชว์ช้างว่ายน้ำและเลือกซื้อสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อแรงงาน
“บิ๊กโจ๊ก” ย้ำไม่ได้สั่งลูกน้องปลดป้ายชื่อหน้าห้องทำงานสตช. ให้ขนแต่ของจำเป็นออกมาเท่านั้น

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น