จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ชัดว่าการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครจะมีขึ้นเมื่อไหร่ แต่ภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เกือบทุกระดับกว่า 7,850 แห่งเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไล่ตั้งแต่เลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 76 แห่ง ช่วงธ.ค.ปี 2563 เลือกตั้งเทศบาลเมือง(ทม.) 195 แห่ง เทศบาลนคร(ทน.) 30 แห่ง เทศบาลตำบล (ทต.) 2,247 แห่ง ช่วงมี.ค.ปี 2564 ต้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 5,329 แห่ง เมื่อ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา เบ็ดเสร็จตอนนี้คงเหลือเลือกตั้งท้องถิ่นปกครองพิเศษแค่ 2 ที่เท่านั้น คือ 1.เมืองพัทยา และ 2.กรุงเทพมหานคร ด้วยเหตุนี้จึงมีแรงกดดันจากหลายฝ่ายพุ่งเป้าให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐบาลเร่งจัดการเลือกตั้งใน 2 เขตปกครองพิเศษที่เหลือ
ในส่วนของเมืองพัทยานั้นพอเข้าใจได้ว่า นายกเมืองพัทยาคนปัจจุบันอย่าง “บิ๊กแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม อดีตรมต.หลายสมัยหลายยุค ที่เข้ามาเป็นนายกเมืองพัทยาจากคำสั่ง ม. 44 ของคสช. เมื่อ 25 ก.ย. 2561 บวกลบคูณหารนั่งทำงานมาแล้วกว่า 3 ปีเศษ ที่ตามวาระนายกเมืองพัทยามีเวลาการทำงาน 4 ปี และอยู่ไม่เกิน 2 วาระเช่นเดียวกับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. เพราะฉะนั้นเก้าอี้นายกเมืองพัทยาก็พอเข้าใจได้ว่าอาจยังไม่ต้องรีบเลือกแต่อย่างใด ต่างจากผู้ว่าฯกทม.ที่ปัจจุบัน “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง นั่งเป็นพ่อเมืองมาแล้ว 5 ปีเศษ ภายหลังจากพล.อ.ประยุทธ์ออกคำสั่ง ม.44 เด้ง “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร พ้นจากตำแหน่งและตั้งพล.ต.อ.อัศวิน ขยับจากรองผู้ว่าฯขึ้นมาแทนเมื่อ 18 ต.ค.2559 ด้วยเหตุนี้เก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ที่มีเงิน มีอำนาจ มีบารมี ให้คุณให้โทษได้มากกว่า จึงกลายเป็นเก้าอี้ที่ทุกพรรคหมายปองอยากได้ตำแหน่งนี้ไปครอง เพราะเหตุนี้จึงมีแรงกดดันไปยังพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลพอสมควรให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.โดยด่วน ล่าสุดวิษณุ เครืองาม รองนายกฯมือกฎหมายรัฐบาล ออกมายอมรับจบเลือกตั้งท้องถิ่นถึงเวลาเลือกตั้งกทม.แล้ว ด้านองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาเสนอตุ๊กตาจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ช้าสุด มี.ค.ปีหน้าให้รัฐบาลเอาไปคิดเป็นการบ้าน
ลำพังงบประมาณรายจ่ายของกรุงเทพมหานครแต่ละปีก็มากมายมหาศาล พรรคการเมืองเห็นก็ตาลุกวาวแล้ว ล่าสุดงบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2565 ถูกตั้งไว้สูงถึง 79,855 ล้านบาท ขณะที่คาดการณ์รายได้ของกทม.ปีนี้ (2564) ก็น่าจะลดลงใกล้เคียงปี 2563 ประมาณ 67,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 นอกจากจะได้บริหารงบก้อนโตมีรายได้ในกระเป๋าหลายหมื่นล้านแล้ว ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ยังมีส่วนสำคัญในการให้คุณให้โทษเอื้อประโยชน์เชื่อมโยงไปถึงการเลือกตั้งสนามใหญ่ด้วย เดิมการเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อปีพ.ศ. 2562 กทม.มีส.ส.ทั้งสิ้น 30 คน พลังประชารัฐได้ไป 12 คน เพื่อไทย 9 คน อนาคตใหม่ 9 คน แต่มาเลือกตั้งเที่ยวหน้าระบบการเลือกตั้งจะเปลี่ยนไปจากเขตใหญ่ 350 เขตทั่วประเทศจะเพิ่มเป็น 400 เขต ด้วยเหตุนี้กทม.จะได้เก้าอี้ส.ส.เพิ่มมากขึ้นแน่นอน อาจจะเป็น 34- 36 คน เพิ่มขึ้นอีก 4-6 ตัว ตรงนี้ก็ต้องไปลุ้นจำนวนประชากรปลายปีด้วย แต่จะได้ส.ส.เพิ่มแน่นอนเพราะฉะนั้นการเลือกตั้งสนามเมืองหลวงเที่ยวหน้าต่อสู้กันเดือดแน่นอน ด้วยเหตุนี้เก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.จึงเป็นที่หมายปองของทุกพรรค เพราะจะมีส่วนสำคัญในการชี้ขาดการเลือกตั้งสนามใหญ่ด้วย
ส่องเก้าอี้ “ตัวเต็ง-ตัวเก็ง” ผู้ว่าฯกทม ต้องบอกว่าชื่อของแฝดน้อง “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรมว.คมนาคม ผู้รับบท “ราชรถ1” ยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังแรงดีไม่มีตก อ้างอิงจากนิด้าโพลล์ในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนจะเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่ครั้งที่ 1 ช่วง 3 มี.ค.2564 ตอนนั้นชัชชาติอยู่อันดับ 2 คะแนนร้อยละ 22.43 ล่าสุดโพลครั้งที่ 7 ชัชชาตินำที่ 1 ด้วยคะแนนร้อยละ 33.18 เพราะเหตุที่ลงพื้นที่ก่อนใครเพื่อน ประกาศตัวมานานว่าขอรับใช้คนกรุงเทพ แถมเป็นนักการเมืองติดดินภาพจำใจซื่อมือสะอาด เป็นขาลุยสายพลังสมฉายาบุรุษที่แข็งแกร่งสุดในปฐพีที่บรรดาสาวกตั้งให้ หนำซ้ำไม่เคยมีประวัติเสียหายด่างพร้อยมัวหมอง การสำรวจความคิดเห็นทุกครั้งชื่อของชัชชาติจึงนำโด่งอยู่บนสุดมาตลอด เรียกว่าแรงดีไม่มีตก แถมแรงต่อเนื่อง
ส่วนที่ตามมาในอันดับ 2 แบบห่างๆอย่างห่วงๆ ก็คือเจ้าของตำแหน่งคนปัจจุบันอย่างพล.ต.อ.อัศวิน เปิดตัวผลสำรวจครั้งแรกอยู่ในอันดับ 4 ได้คะแนนร้อยละ 7.68 แต่ภายหลัง “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. รุ่นน้องอีกคนที่อาสาเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม.เหมือนกัน และอยู่ในอันดับ 2-3 ของการทำโพล ประกาศไขก๊อกไม่ขอลงแข่ง ดูเหมือนจะเป็นการเปิดทางให้คะแนนไหลเทมายังฝั่งพล.ต.อ.อัศวินที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากอันดับ 4 ในครั้งแรกก็ค่อยๆไต่เพดานขึ้นมา ล่าสุดก็อยู่ในอันดับที่ 2 มีคะแนนร้อยละ 16.59 จุดแข็งของพล.ต.อ.อัศวินคือเป็นเจ้าของตำแหน่งเก่า มีเครือข่ายส.ก. ส.ข.ในมือหนาแน่น รู้ตื่นลึกหนาบางเส้นสนกลในของกทม.เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือมีฐานคะแนนเสียงชาวบ้าน ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากชุมชนจากชาวบ้านในเมืองกรุงเป็นอย่างสูง ใจถึงพึ่งได้มาเร็วเคลมเร็ว ตรงนี้จึงได้ใจคนกรุงเทพโดยเฉพาะตามชุมชนต่างๆเป็นอย่างมาก แม้จะมีจุดอ่อนที่คนชั้นกลางกับพวกวัยรุ่นไม่ค่อยเหลียวแลก็ตามที
อีกคนที่เปิดตัวมาแล้วพอสมควรคือ “ด็อกเตอร์เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คนรุ่นใหม่ดีกรียาวเป็นหางว่าว นายกสภาวิศวกร ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) อธิการบดีอายุน้อยที่สุดในประเทศไทย มันสมองปราดเปรื่อง ความรู้ยอดเยี่ยม ดีกรีบานเบอะ เป็นขวัญใจวัยรุ่นคนรุ่นใหม่ ไอเดียดีความคิดแจ๋ว แต่ติดตรงที่ไม่มีฐานการเมืองสนับสนุน แม้พรรคประชาธิปัตย์กำลังทามทามให้มาเปิดตัวด้วยไวไว แต่ตอนนี้ก็เหมือนยังคุยกันไม่ลงตัว ที่สุดผลโพลของดร.เอ้เลยไม่แรงเหมือนในโซเชี่ยลมีเดียส์ เปรียบเหมือนรถมอเตอร์ไซด์วัยรุ่น “ดังแต่ท่อล้อไม่ไป” ครั้งแรกอยู่อันดับ 7 คะแนน 3.35 ล่าสุดสำรวจครั้งที่ 7 คะแนนขยับมาที่ 4.09 แต่ก็ยังตามหลังอันดับ 3 ร้อยละ 14.09 ที่ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจเลือกใคร อันดับ 4 ร้อยละ 6.74 ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 5.99 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย อันดับ 6 ร้อยละ 5.91 น.ส. รสนา โตสิตระกูล
จากนี้ไปยังเหลือเวลาอีกไม่เกินปีเศษ ที่หลายฝ่ายคาดว่าเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.น่าจะมาก่อนเลือกตั้งสนามใหญ่แน่นอน แต่ก็จะไม่เลือกก่อนนายกเมืองพัทยาเช่นกัน เวลายังพอมีตัวแปรก็ยังอีกมาก พรรคใหญ่เบอร์ต้นทางการเมืองไทยก็ยังไม่มีใครขยับส่งสัญญาณชัดว่าจะส่งใครลงชิงชัยผู้ว่าฯกทม. ทั้งพลังประชารัฐ เพื่อไทย ก้าวไกล หรือแม้แต่ประชาธิปัตย์ เกมส์การเมืองยังมีอีกหลายยก ทั้งหักหลบ ยกไม่ส่ง เทคะแนนให้พวกเดียวกัน ตัดแต้มกันเอง รวมทั้งอย่าลืมม้ามืดกทม.อย่างพรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองหลวงที่อาจตัดสินใจส่งคนลงมาแย่งเก้าอี้เช่นกัน เก้าอี้ใหญ่ เดิมพันสูง ชี้ชะตาอนาคต เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ศึกใหญ่ครั้งสุดท้าย ก่อนถึงสงครามชิงเมืองเลือกตั้งทั่วไป ไม่มีใครยอมใครอย่างแน่นอน
///////////////
