“พล.อ.สมเจตน์” จี้รัฐบาลแก้ปัญหาม็อบ หลังคำวินิจฉัยศาลรธน.

“พล.อ.สมเจตน์” จี้รัฐบาลแก้ปัญหาม็อบ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีล้มล้างการปกครอง มองไม่ต้องปฏิรูปสถาบัน ชี้ประชาชนมีความสุขดี

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้ข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันของแกนนำคณะราษฎร เข้าข่ายการกระทำที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งให้เลิกการกระทำรวมถึงการกระทำของเครือข่ายในอนาคตว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นผู้ที่จะดำเนินการในประเด็นเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพึงระมัดระวัง ซึ่งรวมถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งนี้โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 เพราะมองว่าประมุขของประเทศควรมีกฎหมายที่คุ้มครอง อีกทั้งกฎหมายไม่ทำให้บุคคลใดมีปัญญยหา หากไม่เข้าไปดำเนินการที่ผิดกฎหมาย ส่วนที่ใช้มาตราดังกล่าวเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในทางปฏิบัติรัฐควรมีการกลั่นกรอง โดยการตั้งกรรมการพิจารณา

“การขับเคลื่อนกรแก้ไขมาตรา 112 เชื่อว่าจะเป็นไปได้ยาก ที่ผ่านมาในสมัยรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยมีผู้ยื่นเรื่องขอแก้ไขมาตรา 112 เข้าสู่สภา แต่ประธานสภาฯสมัยนั้นไม่รับบรรจุ เหตุผลคือเป็นการดำเนินการที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ส่วนปัจจุบันที่มีกลุ่มส.ส.เสนอเรื่องให้สภาฯ พิจารณา เป็นดุลยพินิจของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะพิจารณาบรรจุหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่าจะมีปัญหาและนำไปสู่การอภิปรายของสมาชิกว่าการกระทำดังกล่าวนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือ สุ่มเสี่ยง ที่จะรับกฎหมายฉบับนี้หรือไม่” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

เมื่อถามว่าตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ปิดประตูตายการแก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ไม่ได้ปิดประตูตาย แต่การดำเนินการไม่ง่ายนัก เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กรให้ต้องปฏิบัติ และรัฐสภาต้องปฏิบัติตาม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าปฏิรูปสถาบันของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาเป็นการล้มล้างการปกครอง การดำเนินการต่อไปที่ใกล้เคียงอาจนำไปสู่การฟ้องร้องว่าล้มล้างการปกครอง ในประเด็นที่เกี่ยวกับคดีความมั่นคง คดีอาญาได้ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องระมัดระวัง

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการนำคำวินิจฉัยศาลคดีดังกล่าว เปรียบเทียบกับการยึดอำนาจ รัฐประหาร และมองว่าเป็นการล้มล้างการปกครองเช่นเดียวกัน พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า การยึดอำนาจ รัฐประหาร ผิดอยู่แล้ว แต่เมื่อยึดอำนาจและล้มรัฐธรรมนูญ ทำให้กลายเป็นรัฎฐาธิปัตย์ มีอำนาจสูงสุดและเมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ได้ละเว้นความผิด ทั้งนี้ตนขอย้ำว่าการรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้น หากการเมืองไม่เป็นต้นเหตุ และทำให้การบริหารประเทศยึดประโยชน์ประชาาชน

“ที่ผ่านมาการเมืองเป็นต้นเหตุของการรัฐประหาร ผมยืนยันว่าการรัฐประะหาร เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ เมื่อยึดอำนาจเป็นของเขาและออกกำหนดในบทบัญญัติชั่วคราวในรัฐธรรมนูญเพื่อละเว้นความผิด ผมขอย้ำว่าหากไม่ต้องการให้รัฐประหารเกิดขึ้น ต้องให้การบริหารเป็นไปโดยวิธีทางการเมืองที่ยึดถือประโยชน์” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

เมื่อถามว่ากลุ่มผู้เรียกร้องเตรียมชุมนุมกรณีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า หากไม่มีเหตุดังกล่าวการชุมนุมยังมีและเกิดขึ้นอยู่แล้ว การชุมนุมหลายครั้งพบว่าไม่มีความสงบ แม้จะระบุว่าเรียกร้องตามสิทธิ เสรีภาาพ แต่เป็นการก่อความวุ่นวาย ดังนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบางที่ต้องแก้ปัญหาการชุมนุมด้วยการทำความเข้าใจ และหากข้อเรียกร้องใดชอบด้วยกฎหมายและเป็นปัญหาประชาชนต้องแก้ไข ส่วนแนวคิดปฏิรูปสถาบันนั้น ตนมองว่าแม้ไม่มีการปฏิรูปประชาชนมีความสุขกันดี

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พลตรีณัฏฐ์" ลั่นปราสาทตาควาย ยังไงก็ต้องกลับมาเป็นของไทย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
‘ไอซ์ รัชนก-สหัสวัส’ ไม่หวั่นโดนฟ้องคดีหมิ่นฯ "สุชาติ" แทรกจัดซื้อ ‘ตึก SKYY9’ อ้างทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ชาติ
วุ่นไปหมด ชื่อโผล่สมาชิกพรรคการเมือง แฉวิธีลับ "ส้ม" ส่งตัวแทน คนแก่ชราจ่ายค่าสมัครให้
วัดเกาะตำแย จัดพิธีทอดกฐินสามัคคี คุณปุณการ-คุณดาว เจริญทวีธรรม' เป็นประธาน ทอดถวายเพื่อสร้าง สำนักงานเจ้าคณะตำบล-เรือนรับรอง
ผบ.พล.ร.4 ทอดกฐินสามัคคี บูรณะศาลา-โรงครัวที่เสียหายจากเหตุอุทกภัย
อธิการบดี ม.ราชภัฏนครสวรรค์ นำบัณฑิตใหม่ ร่วมแสดงความอาลัย สมเด็จพระพันปีหลวง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​