โหดสุด ตร.ชี้หลักฐาน คำสารภาพ “กาน เวลไฟร์” มัดแน่น เจตนาฆ่า รัวยิง 3 นัดใส่ หนุ่มวัย 24 ดับสลด

โหดสุด ตร.ชี้หลักฐาน คำสารภาพ "กาน เวลไฟร์" มัดแน่น เจตนาฆ่า รัวยิง 3 นัดใส่ หนุ่มวัย 24 ดับสลด

วันนี้ ( 25 ธ.ค.) พล.ต.ท. สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และทีมฝ่ายสืบสวน แถลง ผลการจับกุม นายสงกานต์ พานภู่ หรือ กาน แวลไฟร์ ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงบุคคลเสียชีวิตบนทางด่วน โดยลำดับเหตุการณ์ คือ ผู้ต้องหาได้เดินทางไปดื่มสังสรรค์ กับเพื่อนอีก 4 คน ในย่าน บางใหญ่ จ. นนทบุรี

จากนั้นผู้ต้องหาถูกภรรยาโทรตามให้กลับ จนกระทั่งเวลาประมาณ 02:00 น. ผู้ต้องหาขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นเวลไฟร์ สีขาว ทะเบียน 2กผ 7778 กทม. ตระเวนส่งเพื่อนในย่านบางใหญ่และงามวงศ์วาน ก่อนขึ้นทางด่วนจากถนนงามวงศ์วาน และด่านเก็บเงินประชาชื่น จุดแรกที่ได้พบกับรถผู้ตาย ก่อนมีการขับปาดกัน เนื่องจาก ผู้ต้องหาไม่ชำนาญเส้นทางและมีการเปลี่ยนช่องทางกระทันหัน ก่อนที่จะเข้าช่องเก็บเงินข้างกัน หลังจากผ่านด่านเก็บเงินมาแล้ว รถเก๋งได้มีการลดกระจกตลอดเวลา ตนเองจึงขับมาเทียบแล้วลดกระจกลง ก่อนเกิดการโต้เถียงกัน

จากนั้นผู้ต้องหาได้หยิบอาวุธปืนที่อยู่ในรถขึ้นมาด้วยมือขวา โดยใช้มือซ้ายจับพวงมาลัย แล้วโน้มตัวไปยิงผ่านช่องกระจกของรถตัวเอง ไปยังรถเก๋งคู่กรณี โดยทำการยิง 3 นัด กระสุนพุ่งตรงเข้าผู้ตาย 2 นัด ส่วนอีก 1 นัดนั้น กระสุนไปโดนรถที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหาย

จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้ขับรถหนี โดยจุดแรกได้ขับลงทางด่วนพหลโยธิน และเข้าซอยเพื่อทำการเปลี่ยนทะเบียนรถ และหลบหนีไปยังจ.นครปฐม ก่อนจะจอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม และนำปลอกกระสุนปืน พร้อมซองปืน และปืน ไปทิ้งที่ถังขยะหน้า โรงแรม

จากนั้นได้ทำการเรียกรถแท็กซี่เพื่อหลบหนีไปลงที่ อ.เชียงราก จ.ปทุมธานี จากนั้นได้เรียกแท็กซี่อีกคันไป จ.ระยอง ก่อนเปลี่ยนใจให้ไปส่งที่ จ.ตราด เพื่อไปยังเกาะช้าง พร้อมประสานลูกเมียให้ไปรอเจอกันที่ท่าเรือเกาะช้าง ก่อนที่จะข้ามไปยังเกาะช้าง กระทั่งมีการประสานนเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เข้าติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่สะพานคึกฤทธิ์

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ภายหลังการจับกุม ได้มีการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ยิงผู้ตาย แต่ไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากไม่ได้มีการรูัจักกันมาก่อนเพียงแค่ บันดาลโทสะจากการการขับรถปาดหน้า แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีเจตนาจากพยานหลักฐาน และจากการยิงถึง 3 นัด บ่งบอกว่าได้เข้าข่ายเอาชีวิตแล้ว และจากแนวทางการสอบสวน ก็พบว่าทั้งคู่ไม่ได้รู้จักกันจริง และได้มาพบกันก่อนเข้าทางด่วนประชาชื่น

 

นอกจากนี้ยังพบว่าภายในรถคันก่อเหตุมีผู้ต้องหาเพียงคนเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบพยายหลักฐานกล้องวงจรปิดในทุกพื้นที่ ช่วงระหว่างการหลบหนี กล้องสามารถจับภาพผู้ต้องหาได้เพียงผู้เดียว จึงเชื่อว่าผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากผู้ต้องหามีทักษะในการยิงปืน เพราะมีการฝึกซ้อมที่สนามยิงใน จ. ชลบุรี บ่อยครั้ง ประกอบกับการจำลองเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะผู้ต้องหามีรูปร่างสูงเกือบ 180 ซม. สอดคล้องหลักฐานว่าสามารถทำได้จริง

ส่วนอาวุธปืนนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะเบื้องต้นพลว่าปืน มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ผู้จดทะเบียนนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขณะที่เรื่องทะเบียนรถที่มีทะเบียนอีก 1 ป้าย ติดอยู่ในรถนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่า เพิ่งซื้อรถมาอยู่ระหว่างการค้างค่าชำระ หลบหนีไฟแนนซ์ จึงมีป้ายทะเบียนติดไว้ แต่จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าเจ้าตัวมีป้ายไว้ เพื่อใช้ในการหลบหนีหมายจับคดีพยายามฆ่า เมื่อปี 67 ที่ จ.ชลบุรี

 

ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมผู้ต้องหาขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ จ. นครปฐม ทั้งที่ไม่ชำนาญทาง ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ชำนาญทางจึงมีการขับวนๆ จนเจอโรงแรมดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นพฤติกรรมของผู้ต้องหาที่ต้องการหลบหนีและเพิ่มความยากในการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รัฐมนตรีเขมรเปรียบการสู้รบไทย-กัมพูชาเหมือน WW I
"ธรรมนัส" ร่วมเปิดตัวผู้สมัครสส.กล้าธรรม โชว์คนดังย้ายร่วม ลั่นดีเอ็นเอ "คนบ้างาน" ไม่ขายฝันทำมากกว่าพูด จัดเต็มนโยบายเพื่อเกษตรกร
"มูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา" มอบผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือโรงเรียนภาคใต้ ส่งต่อผ่านมูลนิธิยังมีเรา ร่วมฟื้นฟูการศึกษาในพื้นที่สงขลา–สตูล
"สรรเพชญ" เปิดใจย้ายสมัครสส. "ภูมิใจไทย" ยันยึดมั่นอุดมการณ์ ลุยพัฒนาสงขลาต่อเนื่อง
เปิดวิสัยทัศน์ "วุฒิชาติ เกรียงเกษร" จากนักธุรกิจจิตอาสาสู่สนามการเมือง กับภารกิจพลิกโฉมเชียงรายภายใต้ธง "พรรคกล้าธรรม"
ความสุขเทศกาลคริสต์มาส ส่งผ่านตำรวจจราจร

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​