จ.ตราด/(17 ธันวาคม 2568) ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตราด เปิดเผยถึงวิกฤตเศรษฐกิจในพื้นที่หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดน ระบุเพียง 9 วัน ความเสียหายพุ่งเป้าพันล้านบาท ขณะที่มูลค่าการค้าชายแดนที่สะสมมานานอาจแตะหลักหมื่นล้าน วอนรัฐเร่งเยียวยาภาระค่าจ้างแรงงานหลังต้องอพยพหนีภัย
นายสุทธิลักษณ์ คุ้มครองรักษ์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดตราดในขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหาหนักในหลายมิติ ทั้งด้านการขนส่ง แรงงาน และการค้าชายแดน โดยเฉพาะผลกระทบจากเหตุปะทะที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลเสียต่อภาคอุตสาหกรรม เกษตร และท่องเที่ยวอย่างรุนแรง ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นในช่วง 9 วันที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบไปแล้วเกือบ 500 ล้านบาท

ในด้านการท่องเที่ยว นายสุทธิลักษณ์ ระบุว่า สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจและขอยกเลิกการจองห้องพัก ทั้งในพื้นที่เกาะช้างและเกาะกูด ซึ่งช่วงปลายปีมียอดจองที่พักเกือบ 100% แต่ขณะนี้ถูกยกเลิกจนเหลือเพียง 20% เท่านั้น คาดการณ์ความเสียหายเฉพาะภาคท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท
สำหรับผลกระทบต่อเนื่องจากการประกาศเคอร์ฟิวในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ค่าขนส่งสินค้าและบริการในจังหวัดพุ่งสูงขึ้นถึง 1 เท่าตัว แม้ปัจจุบันจะมีการยกเลิกเคอร์ฟิวแล้วและคาดว่าค่าขนส่งจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังราคาสินค้าและบริการในระยะถัดไป เนื่องจากเริ่มมีการแจ้งขอปรับราคาสินค้าจากผู้ผลิตหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ

นายสุทธิลักษณ์ ระบุว่า มีความกังวลถึงปัญหาแรงงานกัมพูชาที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ และภาระของนายจ้างในพื้นที่อพยพ ได้แก่ อ.คลองใหญ่, 4 ตำบลใน อ.เมือง และ อ.บ่อไร่ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนจากสำนักงานประกันสังคมและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องการจ่ายเงินชดเชยจากการอพยพ ผู้ประกอบการบางรายต้องแบกรับค่าจ้างเดือนละ 2-3 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีรายได้เข้ามาเลยในช่วงนี้ ถือเป็นภาระหนักที่ต้องการความชัดเจนจากภาครัฐโดยเร็ว
สำหรับความเสียหายนายสุทธิลักษณ์ คาดการณ์ว่า ตลอด 9 วันที่มีการปะทะกัน คาดว่ามากว่า 1,000 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงมูลค่าการค้าชายแดนที่ขาดหายไปจากการปิดด่านเป็นเวลานาน ซึ่งหากคำนวณภาพรวมทั้งหมดคาดว่ามูลค่าความเสียหายน่าจะสูงถึงระดับหมื่นล้านบาท

ภาพ/ข่าว จักรกฤชณ์ แววคล้ายหงษ์ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ทั่วไทย จ.ตราด


