โฆษก ศรชล. ขู่เรือไทยแปลงสัญชาติ หวังลอบขนน้ำมันเข้ากัมพูชา มีความผิด ชี้สถิติลดลงหลังงัดมาตรการ เผยเรือ 2 ลำ ให้ความร่วมมือเข้าแจงแล้ว

“โฆษก ศรชล.” กาง 4 มาตรการ เอาผิด “เรือไทยแปลงสัญชาติ” สกัดลอบขนน้ำมันส่งกัมพูชา – Top News รายงาน

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีจุมพล นาคบัว โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. กล่าวว่า ศรชล.เตรียมยกระดับการบูรณาการหน่วยงานทางทะเล เพื่อรองรับมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ในการดําเนินการเกี่ยวกับขนส่งสินค้าด้านพลังงานและการส่งสินค้ายุทธปัจจัยไปในพื้นที่กัมพูชา โดยการดําเนินการได้แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ดังนี้

1.ติดตามและประเมินการดําเนินกิจกรรมทางทะเลด้านการค้า การขนส่งพลังงานและการแจ้งเตือนภัยที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเลใ นสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูช

2.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวกับการส่งออกและนําเข้าน้ำมัน รวมถึงยุทธภัณฑ์ ห้ามการขนส่งน้ำมันและสินค้ายุทธปัจจัยไปกัมพูชาทั้งในส่วนของท่าเรือ 23 จังหวัดชายทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้ลักลอบหรือลําเลียงไปยังกัมพูชา

3. ออกมาตรการห้ามเรือสัญชาติกัมพูชาเข้ามาจอดในน่านน้ำภายในท่าเรือของไทยและตรวจสอบเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยในทะเลทุกกรณี

4.แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยที่จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเรือไทยและลูกเรือไทย อในการดําเนินกิจกรรมทางทะเลในภาคการขนส่งและภาคประมง ยืนยันเรามีความจําเป็นที่จะต้องกําหนดประกาศแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อป้องกันมิให้สินค้าเรือประมงที่ดําเนินการโดยสุจริตตกเป็นเป้า หรือมีความเสี่ยง

ข่าวที่น่าสนใจ

“ปลัดพลังงาน” ยืนยันขนส่ง บก-น้ำ-อากาศ ไม่มีส่งน้ำมันจากไทยไปให้กัมพูชาเด็ดขาด

เขมรงานงอก “ปลัดพลังงาน” ย้ำ สปป.ลาว ใช้น้ำมันไทยในประเทศ ห้ามส่งต่อกัมพูชาผิดกฎหมาย

ซึ่งศรชล.ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าว ดำเนินการตามอำนาจอธิปไตยของรัฐไทยและสอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล โดยป้องกันมิให้การดําเนินการทางทะเล มีส่วนเข้าไปสนับสนุนกัมพูชา หรือส่งผลกระทบต่อการสร้างความไม่ปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนคนไทย

พลเรือตรีจุมพล ชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า การดําเนินการจะเน้นเรื่องของการตรวจที่ท่าเรือในท่าเรือ 23 จังหวัด รวมถึงการสุ่มตรวจเรือที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ฉะนั้นขอความร่วมมือเรือที่เดินทางผ่านพื้นที่ใกล้อาณาเขตพื้นที่ทางทะเลของกัมพูชาควรจะต้องแสดงตน ซึ่งการแสดงตนไปเป็นเรือสัญชาติอื่นหรือแสดงชื่อที่ผิดไปจากที่จดแจ้งไว้ในทะเบียน ถือเป็นพฤติกรรมที่ละเมิดต่อเสรีภาพการผ่านโดยสุจริตของรัฐชายฝั่ง ดังนั้นเรือที่มีพฤติกรรมผิดปกติต่างต่างจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งในทะเลและที่ท่าเรือของไทย ส่วนมาตรการนี้จะมีผลเมื่อใดนั้น อยู่ในระหว่างขั้นของการวางแผน โดยวานนี้ ศรชล.ได้ประชุมหน่วยงานต่างๆ เพื่อเตรียมการและการสั่งการลงไป ซึ่งเราจะผนึกกําลังกันในการเฝ้าระวังและตรวจสอบทุกกลไกที่เกี่ยวข้อง กับการส่งสินค้าน้ำมันและยุทธภัณฑ์ไปยังกัมพูชา

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีเรือ 2 ลํา ลอยลําอยู่ ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าตกลงเกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันไปยังกัมพูชาหรือไม่ พลเรือตรีจุมพล กล่าวว่า เรือมีทั้งเดินทางผ่านและเรือดำเนินการตามสัญญาการจ้างของต่างประเทศ ได้ตรวจสอบและเชิญเข้ามาชี้แจง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการด้านพลังงานต่างๆ เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันสถิติของผู้ที่ดำเนินการเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชามีแนวโน้มลดลง เรือที่มีทิศทางจากประเทศที่ขายพลังงานผ่านช่องแคบมะละกา มาจากทะเลจีนใต้เข้ากัมพูชามีแนวโน้มลดลง คงเหลือเพียงเรือบางส่วนที่ยังคงอยู่

เมื่อถามว่าพบการลักลอบขนน้ำมันเข้ากัมพูชาจากทางเรือหรือไม่ โฆษก ศรชล.กล่าวว่าปัจจุบันในเรื่องของการลักลอบ เราพบว่าผู้ประกอบการของไทยที่นําน้ำมันจากต่างประเทศเข้าสู่กัมพูชา แต่หลังจากที่นโยบายของไทยมอบอํานาจให้ ศรชล.ในการบูรณาการต่างๆ สถิติในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง ส่วนบทลงโทษของเรือไทยหากลักลอบส่งน้ำมันและยุทธภัณฑ์ไปยังกัมพูชา จะผิดต่อกฎหมายนําเข้าและส่งออก จึงขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องของการแสดงตนและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากมีการใช้เรือที่ไม่แสดงสัญชาติหรือแสดงสัญชาติเป็นชาติอื่น จะสามารถจับกุมและดําเนินการได้

กาง 4 มาตรการ, โฆษก ศรชล., เรือไทยแปลงสัญชาติ, สกัดลอบขนน้ำมันส่งกัมพูชา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง