กองกำลังฯ ระบุว่าเหตุไฟไหม้รุนแรงครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 44 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 45 ราย เมื่อนับถึงช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (27 พ.ย.) ขณะที่ผู้สูญหายยังสูงถึง 279 คน และมีผู้อยู่อาศัยต้องอพยพหนีตายเข้าไปพักในศูนย์ประสบภัยกว่า 900 คน
ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจบ่งชี้ว่าตาข่ายนิรภัย ผ้ากันน้ำ และแผ่นพลาสติกเคลือบ ซึ่งใช้ปิดคลุมอาคารอาจไม่ได้มาตรฐานป้องกันไฟไหม้ ขณะเดียวกันมีการตรวจพบการใช้โฟมโพลียูรีเทน (PU) ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อไฟไหม้ ปิดผนึกหน้าต่างของโถงลิฟต์ในอาคารที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงบ่งชี้ว่าวัสดุไวไฟภายนอกอาคาร อาจเป็นสาเหตุทำให้เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็วผิดปกติ
ทั้งนี้ ชายผู้ถูกจับกุมทั้งสามรายเป็นผู้บริหารของบริษัทก่อสร้างที่รับผิดชอบการติดตั้งวัสดุเหล่านี้เพื่อปรับปรุงอาคาร โดยกลุ่มผู้ต้องสงสัยมีอายุ 52-68 ปี ประกอบด้วยผู้อำนวยการบริษัท 2 ราย และที่ปรึกษาโครงการ 1 ราย ซึ่งว่าความประมาทเลินเล่อขั้นร้ายแรงเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บเสียชีวิตนี้
รายงานเผยว่าอพาร์ตเม้นท์ทั้ง 8 หลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมบำรุงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2567) และมีการใช้นั่งร้านที่ทำจากไม้ไผ่ และคลุมด้วยตาข่ายนิรภัยสีเขียวซึ่งเป็นวัสดุไวไฟ คืบหน้าล่าสุดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมไว้ได้แล้วในอาคาร 3 หลังในช่วงเช้าของวันนี้ (พฤหัสที่ 27 พย.) หลังจากใช้ความพยายามในการดับไฟนานเกือบ 10 ชั่วโมง ส่วนอีก 4 หลังไฟยังคงลุกไหม้และยังควบคุมไม่ได้ ขณะที่
นายจอห์น ลี ผู้ว่าการฮ่องกงได้ลงพื้นที่ตรวจความเสียหาย โดยเรียกเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ว่าเป็น “ความหายนะครั้งรุนแรง” พร้อมประกาศจะเร่งสอบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี และเตรียมตั้งข้อหาผู้กระทำความผิดในคดีอาญา
โดยอาคารอพาร์ตเม้นต์มีความสูง 35 ชั้นและมีห้องพักทั้งหมดราว 2 พันห้อง
เครดิต: สำนักข่าวซินหัว

