วันที่ 20 พ.ย. 2568 เวลา 9.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีของ “ประวิตร” (สงวนนามสกุล) ประชาชนอายุ 23 ปี กรณีถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันวางเพลิงป้อมตำรวจจราจร บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ภายหลังการชุมนุม #ม็อบ10สิงหา เมื่อปี 2564
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษของจำเลย จากเดิมลงโทษในสองข้อหาจำคุก 6 ปี 4 เดือน เห็นว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกิน แก้เป็นลงโทษบทที่หนักที่สุดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน คงจำคุก 6 ปี เมื่อพิจารณาถึงข้อหาและเหตุแห่งคดีแล้วไม่มีเหตุอันสมควรให้ลดโทษ
จำเลยถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ หลังศาลชั้นต้นลงจำคุก 6 ปี 4 เดือน รอกว่า 2 ปี นัดพิพากษาชั้นอุทธรณ์
คดีนี้มี พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี เป็นผู้กล่าวหา สืบเนื่องจากกิจกรรม #คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พร้อมกับยืนยันข้อเรียกร้องอื่น ๆ ขบวนรถเริ่มที่แยกราชประสงค์ เคลื่อนไปอาคารชิโน-ไทย ทาวเวอร์, บ้านธรรมนัส พรหมเผ่า และอาคารคิง พาวเวอร์ ก่อนยุติตอน 17.06 น. โดยหลังจากนั้นมีเหตุการณ์ชุมนุมของมวลชนอิสระบริเวณแยกดินแดง ทำให้มีการจับกุมประชาชนตามมา แยกเป็นหลายคดี
ในส่วนของประวิตร ได้ถูกออกหมายจับในคดีเกี่ยวกับการเผาป้อมจราจร ที่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง โดยเขาถูกจับกุม เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2564 ก่อนได้รับการประกันตัวในวันถัดมา
จากนั้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2564 อัยการได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์, ร่วมกันวางเพลิงเผาโรงเรือนฯ, ร่วมกันมั่วสุมชุมนุม และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 ประวิตรได้ร่วมชุมนุมทำกิจกรรมทางการเมือง หลังกลุ่มยุติการชุมนุมที่บริเวณหน้า King Power จำเลยกับพวกประมาณ 20 คน ไม่ยอมเลิกและร่วมชุมนุมอยู่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง จากนั้นจำเลยกับพวกได้ร่วมกันวางเพลิงเผาป้อมจราจรตำรวจ คิดค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 993,000 บาท
ต่อมา วันที่ 11 ก.ค. 2566 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้จำคุก 8 เดือน ส่วนข้อหาอื่น ๆ ให้ลงโทษในข้อหาร่วมกันวางเพลิงเผาโรงเรือนฯ ซึ่งเป็นบทลงโทษที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นเหตุให้บรรเทาโทษลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกรวม 6 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมรวม 434,060.25 บาท



