วันที่ 20 พ.ย.68 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์, เทศบาลตำบลท่าสัก และอาสาสมัครกู้ภัย ภายใต้การอำนวยงานของ นายนิตย์นิชัย บุญสุวรรณ นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ชุมชนริมน้ำน่าน ซอย 5 เทศบาล ตำบลท่าสัก ได้เร่งอพยพพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำน่านบริเวณ ตลาด 100 ปี ย่านการค้าเก่าแก่ของชุมชนท่าสัก หมู่ 1 ต.ท่าสัก อ.พิชัย กว่า 40 หลังคาออกจากพื้นที่เป็นการเร่งด่วน
หลังได้รับการแจ้งเหตุมีบ้านของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำน่านในเขตเทศบาลท่าสักพังถล่มจมแม่น้ำน่านไปทั้งหลัง และเริ่มทรุด ตัวอีกประมาณ 6 หลังคา โดยได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน พื้นที่อันตราย ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าในพื้นที่ เด็ดขาด พร้อมจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ตั้งโรงครัวให้กับพี่น้องประชาชน ก่อนประสานโยธิธิการและผังเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์เข้าตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิตย์นิชัย บุญสุวรรณ นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์,นายชลิต ธนวัฒน์ รองนายก อบจ.อุตรดิตถ์,โยธิธิการและผังเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รุดเข้าตรวจสอบพร้อมนำเทปกั้นเขตสีขาว-แดง กั้นพื้นที่พร้อมติดป้ายข้อความ “ห้ามเข้า เขตพื้นที่อันตราย” ขอความร่วมมืออาสาสมัครกู้ จิตอาสาและพี่น้องประชาชนเจ้าของบ้าน อพยพออกจากพื้นที่ หลังพบว่า จุดเกิดเหตุ บ้านเลขที่ 104 หมู่ 1 ต.ท่าสัก ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น แบบครึ่งไม้ครึ่งปูน

โดยมีนางพูลสุข สันตินรนนท์ อายุ 62 ปี เป็นเจ้าของบ้านพังถล่มทั้งหลัง และจมอยู่ริมแม่น้ำน่าน ในขณะที่บ้านอีก 6 หลังที่อยู่ติดๆกัน ส่วนหลังบ้านทรุดตัว ถล่มจมแม่น้ำน่านด้วยเช่นกัน กลายเป็นซากปรังพักพัง ในขณะที่ จนท.สำรวจ ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่ามีเสียงคล้ายๆ ดินตลิ่งทรุดตัวต่อเนื่อง จึงขอความร่วมมือ จำกัดจำนวนคนที่จะเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบทรัพย์สินบางส่วนเสียหาย ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

นายไพโรจน์ เพชรรุ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ท่าสัก กล่าวว่า เวลาประมาณ 03.15 น.วันที่ 20 พ.ย. ได้รับการแจ้งเหตุมีบ้านของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำน่าน ชุมชนตลาด 100 ปี ซอย 5 เขตเทศบาลท่าสักพังถล่มเสียหาย จึงรุดลงพื้นที่ เมื่อพบสภาพบ้าน ซึ่งเป็นย่านการค้าตลาดเก่าแก่ด้านหลังติดแม่น้ำน่าน ลักษณะจะเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น บางส่วนจะมีการปรังปรุงให้ทันสมัย เลาะถนนริมฝั่งแม่น้ำน่าน 40 หลัง โดยพบบ้านเลขที่ 104 ซึ่งอยู่หลังแรกต้นซอย จากอาคาร 3 ชั้นพังถล่มราบคาบ ส่วนที่เป็นบ้านชั้น 3 จมอยู่แม่น้ำน่าน ขณะที่บ้านหลังอื่นๆ ที่อยู่ติดๆกัน ก็เริ่มทรุดตัว หลังบ้านติดแม่น้ำน่านถล่ม จึงแจ้งอพยพทันที และรายการให้ทางอำเภอพิชัยทราบเรื่อง

นางพูลสุข สันตินรนนท์ อายุ 62 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 104 ที่พังทั้งหลังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา มีสัญญาณเตือนเกิดดินทรุดตัวรอบๆบ้าน ช่วงบ่ายจึงตัดสินใจตัดเชือกสลิ้งที่ยึดตัวบ้านออก จากนั้นก็มีเสียงลั่นของเสาและตัวบ้าน จึงขนทรัพย์สินต่างๆ ออก เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวเป็นโกดังเก็บของที่ใช้ขาย จากนั้นตนเองก็ไปอาศัยบ้านญาติ จนกระทั้งเวลา 02.30 น.หลานโทรแจ้งว่า บ้านไม่เหลือแล้วนะ พังถล่มทั้งหลัง โชคดีที่ตัดสินใจออกจากบ้านก่อนเกิดเหตุ ตั้งแต่น้ำน่านลดลง ดินตลิ่งหลังบ้านก็ทรุดตัวต่อเนื่อง

นายนิตย์นิชัย บุญสุวรรณ นายอำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า หลังเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุจึงประกาศเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามเข้า และสั่งอพยพพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบออกจากพื้นที่ พร้อมตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือให้ไปพักอาศัย บ้านญาติก่อนเพื่อความปลอดภัย จากการตรวจสอบชุมชนดังกล่าว อยู่ติดแม่น้ำน่าน ช่วงพายุบัวลอย ที่ผ่านมาแม่น้ำน่าน เพิ่มความสูงต่อเนื่อง กัดเซาะตลิ่งริมแม่น้ำน่านจึงจุดกล่าว พอน้ำเริ่มลด ดินอาจเกิดการอ่อนตัว ทรุดตัว กัดเซาะถึงในส่วน ที่อยู่อาศัยของประชาชน จนพังถล่มเสียหายเป็นวงกว้าง
เบื้องต้น 10 หลังคา ประสานโยธาธิการและผังเมืองสำรวจโครงสร้างอาคารว่ามีความมั่นคลแข็งแรง สามารถเข้าพักอาศัยต่อไปได้หรือไม่, อบจ.อุตรดิตถ์ นำเครื่องจักร กำลังคนเข้ารื้อย้ายสิ่งของ ซากปรังหักพัง นอกจากนี้ประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พร้อมมาตรการช่วยเหลือเยี่ยวยาต่อไป





