เปิดหนังสือ ทูตไทยประจำ UN ส่งฟ้อง UNSC 10 ข้อจุก ๆ ซัด “กัมพูชา” วางแผนยั่วยุ เจตนาทำตัวเป็ปฏิปักษ์

เชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้ส่งหนังสือชี้แจงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กรณีกัมพูชายั่วยุไทย

เปิดหนังสือ ทูตไทยประจำ UN ส่งฟ้อง UNSC 10 ข้อจุก ๆ ซัด “กัมพูชา” วางแผนยั่วยุ เจตนาทำตัวเป็ปฏิปักษ์ – Top News รายงาน

ทูตไทยประจำ UN
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568  นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ส่งหนังสือชี้แจงต่อ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กรณีที่กัมพูชากระทำการที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุประเทศไทย โดยมีใจความดังต่อไปนี้
เรียน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรเซียร์ราลีโอนประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
กระผมขอเรียนให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทราบโดยเร่งด่วนถึง พัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับการกระทำต่อเนื่องของกัมพูชาที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุต่อประเทศไทย ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ไทยและกัมพูชาได้ลงนาม “ถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย” ผ่านการเป็นคนกลางในการประสานงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นพัฒนาการและความมุ่งมั่นสำคัญในการยุติสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาอย่างสันติ
2. นับตั้งแต่นั้น ไทยได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นทุกประการที่จะยึดมั่นต่อคำมั่นที่ให้ไว้ และขับเคลื่อนการดำเนินการตามถ้อยแถลงดังกล่าว ด้วยจิตวิญญาณแห่งการอยู่ร่วมกันฉันมิตรกับเพื่อนบ้าน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของอาเซียน และการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติอย่างสัมบูรณ์
3.ในส่วนของความร่วมมือด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมนั้น ไทยและกัมพูชาได้จัดตั้งคณะทำงานประสานงานร่วม (Joint Coordinating Task Force – JCTF) ด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม รวมถึงจัดทำมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติ (Standard Operating Procedures – SOP) เพื่อกำหนดพื้นที่ที่มีลำดับความสำคัญตามแนวชายแดนที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม รวมถึงประสานงานในการวางแผนและปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งภายใต้กลไกดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบพื้นที่เป้าหมายลำดับแรกในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในจังหวัดสระแก้วของไทยแล้ว

ข่าวที่น่าสนใจ

4.เป็นที่น่าเสียใจว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. เพียงสองสัปดาห์หลังการลงนามถ้อยแถลงฯ และท่ามกลางพัฒนาการเชิงบวกในความร่วมมือด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
ทหารไทยจากกองร้อยทหารราบที่ 1161 ซึ่งปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามเส้นทางที่ใช้ตามปกติในพื้นที่ห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้เหยียบทุ่นระเบิด
โดยจากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นระเบิดประเภท PMN-2 ที่ถูกวางใหม่ ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 นาย โดยหนึ่งนายต้องสูญเสียขาขวา
ทั้งนี้ ขอย้ำว่า ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับทุ่นระเบิดในแผ่นดินไทยแล้ว 7 ครั้ง รวมถึงเหตุการณ์ข้างต้น ทำให้ทหารไทยรวม ๗ นายพิการถาวร โดยแต่ละนายต้องสูญเสียขา การใช้ทุ่นระเบิดของกัมพูชาอย่างต่อเนื่องถือเป็นการไต่ตรองไว้ล่วงหน้าและผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention – APMBC) กฎบัตรสหประชาชาติ ข้อ 2(4) และอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
5. ภายหลังเหตุทุ่นระเบิดล่าสุด ไทยได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่น ประจำการประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ครั้งที่ 22 เพื่อรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแสดงความกังวลต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ และแสดงความเห็นของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยได้แนบสำเนาหนังสือดังกล่าวมาพร้อมนี้ด้วย
6.ยิ่งไปกว่านั้น น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.10 น.ทหารกัมพูชาจงใจเปิดยิงใส่ทหารไทยที่ประจำการในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ในดินแดนของไทย โดยถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างชัดเจน
ทหารไทยจำเป็นต้องยิงเตือนกลับด้วยอาวุธเล็กเพื่อป้องกันตนเอง ตามหลักการความจำเป็นและได้สัดส่วนอย่างเคร่งครัด การยิงตอบโต้ระหว่างกันดำเนินถึงเวลา 16.15 น. โดยฝ่ายกัมพูชายิงรวม 30 นัด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อฝ่ายไทย และต่อมา เมื่อเวลา 17.55 น. มีเสียงปืนกลประมาณ 5 นัดจากฝั่งกัมพูชา
แต่ฝ่ายไทยไม่ได้ยิงตอบโต้ การดำเนินการของไทยต่อการยั่วยุรอบนี้ของกัมพูชาเป็นการใช้สิทธิโดยชอบธรรมในการป้องกันตนเองของไทย โดยสอดคล้องอย่างสัมบูรณ์กับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ
7. เป็นเรื่องที่น่าตำหนิอย่างยิ่งที่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนกัมพูชาได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ โดยกล่าวหาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวริเริ่มโดยฝ่ายไทย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์นี้เป็นการยั่วยุที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าโดยกัมพูชาอีกครั้ง ซึ่งดูเหมือนมีเจตนาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความรับผิดชอบต่อเหตุทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุด
ไทยขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการบิดเบือนข้อเท็จจริงและเจตนาบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศ
8. การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์และการยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาต่อไทยมีแต่จะเพิ่มความตึงเครียด และเป็นการละเมิดอย่างชัดแจ้งต่อพันธกรณีที่มีร่วมกันภายใต้ถ้อยแถลงฯ ซึ่งเป็นการขัดขวางความพยายามของทุกฝ่ายในการส่งเสริมการแก้ปัญหาสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างสันติ และเป็นการกัดกร่อนความไว้วางใจและความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้ ไทยจึงถูกบีบให้ต้องระงับการดำเนินการตามถ้อยแถลงฯ เท่าที่เหมาะสม จนกว่าจะสามารถมั่นใจในความจริงใจและสุจริตใจของกัมพูชาได้
9. ในส่วนของไทย แม้จะมีการกระทำที่เป็นการรุกรานและเป็นปฏิปักษ์โดยเจตนาและต่อเนื่องจากกัมพูชา แต่ไทยจะยังคงใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และจะยังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี
ยิ่งไปกว่านั้น ไทยจะยังคงดำเนินการในส่วนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญสองประการของถ้อยแถลงฯ ต่อไป คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งจำเป็นต่อการปกป้องพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และการต่อสู้กับเครือข่ายหลอกลวงข้ามชาติ ซึ่งส่งผลกระทบไม่เพียงแต่ต่อพลเมืองของไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก
10. ในการนี้ ไทยร้องขอประชาคมระหว่างประเทศให้เรียกร้องต่อกัมพูชาให้รับผิดชอบอย่างเต็มที่ และยุติการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์และการยั่วยุทั้งหมดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนชาวไทยและถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทยอย่างชัดเจน กัมพูชาจะต้องเคารพอย่างสูงสุด และดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติโดยทันที โดยสุจริตใจและจริงใจเพื่อแสวงหาเส้นทางสู่สันติภาพกับไทย
ในการนี้ กระผมขอความอนุเคราะห์ให้เวียนจดหมายฉบับนี้ รวมถึงเอกสารแนบ แก่สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ทุกประเทศ ในฐานะเอกสารของคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพื่อให้รับทราบข้อมูลข้างต้นโดยเร่งด่วน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สอน. ร่วมกับ ม.เจ้าพระยา นครสวรรค์ จัดโครงการพัฒนาพนักงานขับรถตัดอ้อย
"สตช." ย้ำปรามสแกมเมอร์-อาชญากรรมออนไลน์ เป็นวาระแห่งชาติ เดินหน้าเชิงรุกทั้งใน-ตปท.จับมือ 6 ชาติ ลั่นร่วมรบ.-เหล่าทัพปกป้องอธิปไตยไทยทุกมิติ
ซีพีเปิดเวทีระดับโลกรวมพลังคนรุ่นใหม่โชว์ไอเดียธุรกิจสร้างสรรค์กับโครงการ "CP CUP 2025" จากห้องเรียนสู่ธุรกิจจริง สามทีมชนะเลิศระดับประเทศ (National Round) จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เตรียมลุย! แข่งขันในระดับนานาชาติ
มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ส่งต่อความห่วงใย มอบขนมเส้นบุกปรุงรสหม่าล่า 72,000 ซอง ผ่านกรมพัฒนาฝีมือแรงงานช่วยผู้ประสบอุทกภัย
ดราม่าเดือด "แจ็คแปปโฮ" ถอดเสื้อยืนเต้นบนหลังคารถ หน้าลอว์สัน ประเทศญี่ปุ่น ชาวเน็ตแห่วิจารณ์ยับ
"ธรรมนัส" ลั่นไม่เคยสัญญาแต่งตั้งรมต.ล่วงหน้า เชื่อเคส "สส.ชนนพัฒฐ์" ไม่กระทบเชื่อมั่นกล้าธรรม ย้ำผิดบุคคลให้กระบวนยุติธรรมชี้ขาด

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​