เมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดราษฎร์เจริญพร (วัดบ้านไร่ทรงธรรม) หมู่ 2 ต.ทรงธรรม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบชาวบ้านกำลังรวมตัวกันเรียกร้องให้ทางคณะสงฆ์และฝ่ายปกครองเอาผิดและขับไล่พระอธิการประสิทธิ์ ฐิตะสาโร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญพร ให้พ้นวัด เนื่องจากชาวบ้านไร้ซึ่งความศรัทธาในพระรูปนี้แล้ว โดยไม่สนว่าผลการไต่สวนจะออกมาอย่างไร ส่วนสาเหตุจุดแตกหักกับญาติโยมมาจากเรื่องเงินกฐินที่ผ่านมา
โดยมีพระอธิการไพโรจน์ ฐิตธมฺโม เลขาเจ้าคณะตำบลทรงธรรม นายธัญวิทย์ คุณสมบัติ ปลัดอำเภอเมืองกำแพงเพชร นายชเอม คำฟู กำนันตำบลทรงธรรม พร้อมด้วยคณะกรรมการวัดตลอดจนตัวแทนชาวบ้านจำนวนหนึ่งร่วมพูดคุยและยื่นข้อเรียกร้องในปัญหาดังกล่าว

นายสามารถ ปรานสุนทร อายุ 60 ปี หนึ่งในกรรมการวัดราษฎร์เจริญพร เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2568 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่วัดราษฎร์จริญพรได้มีการทอดกฐินสามัคคี โดยมีชาวบ้านเข้าร่วมจำนวนมาก และจากการนับเงินกฐินได้มีเงินสดที่ชาวบ้านร่วมมาทำบุญจำนวน 276,637 บาท แต่ทราบว่ามีเงินทำบุญจากวัดธรรมกาย อีกจำนวน 100,000 บาท โดยสั่งจ่ายเป็นเช็ดเงินสด จำนวน 100,000 บาท หายไป เมื่อนับเงินสดแล้วเสร็จ ชาวบ้านได้ถามถึงยอดเงินของวัดธรรมกาย ซึ่งไม่ทราบว่าได้ขึ้นเงินแล้วหรือไม่และหายไปไหนทำไมไม่นำมารวมยอดกฐิน

โดยพระอธิการประสิทธิ์ ฐิตะสาโร เจ้าอาวาสวัด แจ้งว่ายังไม่ได้รับเช็ค แต่ชาวบ้านทราบว่าเช็คจำนวนดังกล่าวพระอธิการประสิทธิ์ฯ ได้รับไปแล้ว แต่พระอธิการประสิทธิ์ฯ อ้างว่าต้องไปรับที่ศูนย์ธรรมกาย ซึ่งอยู่อีกวัดในหมู่ 4 ต.ทรงธรรมฯ
จากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น. พระอธิการประสิทธิ์ และนายอานนท์ ไวยาวัจกรวัด ได้ออกไปยังศูนย์ธรรมกาย ซึ่งอ้างว่าไปรับเช็ค ก่อนถึงจุดหมายพระอธิการประสิทธิ์ ได้หยิบซอง ที่ภายในมีเช็คดังกล่าวยื่นให้นายอานนท์ แต่นายอานนท์ ไม่กล้ารับเช็คฉบับดังกล่าว

เมื่อไปถึงวัดศูนย์ธรรมกาย พระอธิการประสิทธิ์ ได้หยิบเช็คออกจากย่ามพระ ยืนให้พระลูกวัดที่อยู่บริเวณวัดและรับเช็คคืนกลับมา พร้อมกับขับรถกลับวัดราษฎร์เจริญพร ระหว่างทางได้ยื่นเช็คให้นายอานนท์ นายอานนท์จึงรับไว้และวางไว้ที่คอนโซนหน้ารถ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นพฤติกรรมไม่โปร่งใส อีกทั้งยังมุสา ทำให้ชาวบ้านไม่ไว้วางใจต่อพระรูปนี้แล้ว ในส่วนของกฏหมายหรือวินัยจะออกมาแบบไหน แต่ชาวบ้านไม่ต้องการพระรูปนี้แล้วให้ท่านไปอยู่ที่อื่น เพราะปัญหาเป็นแบบนี้มาตลอด พอจะมาถามเอาความจริงกลับหนีหน้าหลบออกจากวัดตลอด

ด้านนางสาวพรวิไล จำปาดิบ อายุ 64 ปี อดีตกรรมการวัด ที่ถูกกล่าวหาว่าโกงกินเงินวัดและถูกให้ออกจากคณะกรรมการวัด เล่าว่า จริงๆเรื่องแบบนี้ไม่สมควรที่จะเกิดแต่เพราะท่านทำตัวท่านเอง หากท่านยอมรับแต่แรกว่ากลัวหายแล้วเก็บกลับมาแล้วเอามาให้กรรมการวัดก็จบ อันนี้มาอ้างว่าไม่มีไม่รู้ เหมือนที่ผ่านมาก็อ้างว่าเงินกฐินหายไปไหนไม่รู้พอไม่มีใครเอาเรื่อง เนื่องจากไม่มีหลักฐาย เลยเหมือนได้ใจ ในปีนี้ก็มาทำแบบนี้ ครั้งหนึ่งตนเองยังเคยถูกกล่าวหาว่าตนโกงกินเงินวัดถึงขนาดตนชี้หน้าสบถออกไปว่า”ถ้ากูกินเงินวัด มึงกินยิ่งกว่ากู ประวัติมึงมีมึงย่อมรู้อยู่แก่ใจ“ สุดท้ายเหมือนกรรมตามทันมาทำพฤติกรรมแบบเดิมจนชาวบ้านจับได้

ขณะที่นายธัญวิทย์ คุณสมบัติ ปลัดอำเภอเมืองกำแพงเพชร ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบพื้นที่ตำบลทรงธรรม เปิดเผยว่า ที่ทราบข่าวในเบื้องต้น ทราบว่า เจ้าอาวาสได้ไปร้องเรียนศูนย์ดำรงค์ธรรม แต่ไปร้องเรียนว่ากลุ่มผู้ใหญ่บ้านเข้ามาแทรกแซงการบริหารจัดการเงินของวัด ต่อมาตนก็ทราบเรื่องอีกว่ามีเงินจากวัดพระธรรมกาย เข้ามายังวัดนี้และทราบว่าเจ้าอาวาสไม่ได้ชี้แจง ว่าได้รับเงินมา จึงได้แนะนำให้ผู้ใหญ่บ้่นไปร้องเรียนศูนย์ดำรงค์ธรรม หากไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเจ้าอาวาสท่านนี้แล้ว หน่วยงานของรัฐก็จะดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป แต่ในวันนี้ก็ได้อธิบายข้อกฏหมายและการดำเนินการให้ชาวบ้านฟัง
ทั้งนี้ก็ได้มีการขอมติในการรวมตัวของชาวบ้านในครั้งนี้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีความประสงค์ที่จะให้เจ้าอาวาสอยู่ในวัดนี้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามก็คงจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารเงินวัดต่อไป โดยจะเร่งดำเนินการให้ภายใน 7 วัน หรือไม่เกิน 15 วัน

ขณะเดียวกันพระอธิการไพโรจน์ ฐิตธมฺโม เลขาเจ้าคณะตำบลทรงธรรม ได้กล่าวกับญาติโยมว่า การที่พระสงฆ์ยักยอกทรัพย์หรือลักทรัพย์นั้นเข้าข่ายปราชิกอยู่แล้ว แต่อาตมาเองก็ไม่สามาถจะไปชี้ความผิดเจ้าอาวาสท่านได้ว่าท่านเป็นปราชิก เพราะต้องให้พระผู้ใหญ่และคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่พิจารณาและตัดสินใจออกมาก่อน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามไปยังพระลูกวัดซึ่งบางส่วนก็เห็นด้วยที่จะไม่ขอให้เจ้าอาวาสนั้นอยู่ต่อภายในวัด ก็ยังไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสหลบออกไปไหนและจะกลับเข้าวัดมาหรือไม่




