โฆษกทบ.ยันข่าว กองทัพเตรียมปล่อยเชลยศึกกัมพูชา เรื่องจริง เหตุผลเพราะ ทหารเขมรถอนอาวุธหนัก ไม่ขัดขวางเก็บกู้ทุ่นระเบิด

‘ฝ่ายความมั่นคง’ เผย ไทยเตรียมปล่อยตัว 18 เชลยศึก เพราะสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์กับ ‘เขมร’ หลังร่วมกันถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง-เก็บกู้ระเบิด

โฆษกทบ.ยันข่าว กองทัพเตรียมปล่อยเชลยศึกกัมพูชา เรื่องจริง เหตุผลเพราะ ทหารเขมรถอนอาวุธหนัก ไม่ขัดขวางเก็บกู้ทุ่นระเบิด – Top News รายงาน

 

 

จากกรณีมีรายงานข่าวว่ากองทัพ ได้ประสานไปยังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ให้เตรียมความพร้อม สถานที่ ที่พัก เตรียมการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา จำนวน 18 นาย จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้

ล่าสุดวันนี้ ( 6 พ.ย.68 ) แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยกับทีมข่าวท็อปนิวส์ว่า ข่าวการเตรียมปล่อยตัวเชลยศึก กัมพูชา จำนวน 18 นายเป็นเรื่องจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสุขภาพของ 18 เฉลยศึกทั้ง 18 นายก่อนส่งตัว ส่วนจะปล่อยวันไหนนั้นยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่แน่ชัดได้

ทั้งนี้การปล่อยตัวสืบเนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมลงนามใน ‘ประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เพื่อสันติภาพ’ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย และโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสูงสุดของสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งไทยได้ยื่นเงื่อนไข 4 ข้อคือ 1.การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง 2.การเก็บกู้ระเบิดสังหารบุคคล 3.การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม และ 4.การจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดนใน จ.สระแก้ว ส่วนฝ่ายกัมพูชายื่นมาเพียงข้อเสนอเดียวคือ การขอปล่อยตัวเชลยศึก กัมพูชา 18 นาย

ซึ่งการจะสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ได้นั้น ทั้งสองฝ่ายต้องแสดงความจริงใจในการ 1.ถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง และ 2.ได้มีการเก็บกู้ระเบิดสังหารบุคคล ทั้ง 2 ข้อนี้ จึงเป็น 2 ข้อหลักที่จะนำมาพิจารณาชี้วัดว่า หมดสิ้นการเป็นปรปักษ์แล้วหรือไม่ และขณะนี้ได้มีการเริ่มทำทั้ง 2 ข้อแล้วตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ คือการถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ระเบิดร่วมกัย จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลไทยได้พิจารณาเตรียมปล่อยตัว 18 เฉลยศึกครั้งนี้

ส่วนเรื่องการปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม  และการจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดนใน จ.สระแก้ว ทั้งสองฝ่ายยังต้องทำร่วมกันต่อไป และใช้เวลาดำเนินงานอีกนาน

 

 

ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam โดยระบุว่า.. ทบ. เล็งส่งคืน 18 เชลยศึก สัปดาห์หน้า
ด้วย 2 เงื่อนไข หลังเขมรถอนอาวุธหนักเฟส1จบ -ไม่ขวางกู้ทุ่นระเบิด5พื้นที่นำร่อง
รอ AoT ยืนยัน คาด ถอนครบ 10 พย.นี้
จากนั้น มีขั้นตอนธุรการ 2-3 วัน
คาด ส่งคืน 12-13 พย.
โดยมี กาชาดสากล- AOT ร่วมเป็นสักขีพยาน
เล็งส่งคืนด่านชายแดนจันทบุรี-ตราด
 ยึดหลักการ ไม่ส่งเชลยศึกกลับ
ในพื้นที่การสู้รบเดิม
-เขมรไม่ขวางกู้ทุ่นระเบิด5พื้นที่นำร่อง
หลังข่าวสะพัด สหรัฐฯเร่งรัด มา
.
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจงกรณีการส่งคืน 18 เชลยศึกกัมพูชา ว่า
ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา และเตรียมการ โดยเวลา ที่อาจเป็นไปได้ คือ ต้องหลังจากมีการถอนอาวุธหนัก ในเฟส 1 จบแล้ว และ กัมพูชา ต้องไม่ขัดขวาง การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่กำลังดำเนินการอยู่ในห้วงนี้
——-
ทั้งนี้มีรายงานว่า คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT ประชุมประเมินการถอนอาวุธหนักของฝ่ายกัมพูชา  แล้วคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นี้  ซึ่งถือว่าทำได้เร็วกว่ากำหนดที่ประเมินไว้เดิม ใน3 สัปดาห์
 จากนั้นฝ่ายไทยจะมีขั้นตอนดำเนินการทางธุรการอีกประมาณ 2-3 วัน  จึงคาดว่าจะส่งตัวเชลยศึกคืนได้ในวันที่ 12 หรือ 13 พฤศจิกายนนี้
โดยคาดว่าจะส่งตัวที่ด่านชายแดนไทยกัมพูชาด้านจันทบุรี-ตราด เนื่องจากตามกฎของการส่งเชลยศึกนั้น จะต้องไม่ส่งในพื้นที่การสู้รบเดิม
ขณะที่เงื่อนไขที่2 คือการไม่ขัดขวางการเก็บกู้ทุ่น ระเบิดใน5 พื้นที่นำร่อง จากที่ฝ่ายไทยเสนอไป 13 พื้นที่ คือ 
• บ้านสายโท 10 ใต้ จ.บุรีรัมย์
• ช่องเหว จ.สุรินทร์
• บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว
• บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว
• บ้านชำราก จ.ตราด
ที่ปัจจุบันชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดฝ่ายไทยได้เริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ตั้งแต่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา จากที่กัมพูชาเคยขัดขวางในพื้นที่ช่องสายตะกู ในห้วงแรก
แต่ ปัจจุบันนี้กัมพูชาไม่ได้ขัดขวางแล้ว โดยฝ่ายไทยได้เข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพียงฝ่ายเดียว ในพื้นที่อธิปไตยไทย
โฆษกทบ.

ก่อนหน้านั้น กองบัญชาการกองทัพไทย เพิ่งออกมาระบุถึงความชัดเจน เรื่องปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชา ที่ไทยควบคุมตัวไว้ตามกติกาสากล โดยยืนยันว่ากองทัพไทยจะไม่ปล่อยเชลยศึก จนกว่าจะสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ ซึ่งการสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัพูชาดำเนินการตาม เงื่อนไขหลัก 4 ข้อ คือ

 

– การถอนอาวุธประเภทจรวดออกจากพื้นที่ชายแดน

– การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน

– การปราบปรามขบวนการไซเบอร์สแกม

– และการบริหารจัดการพื้นที่หมู่บ้านชายแดน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีน-ไทยเพิ่ม 5 ด่านนำเข้าส่งออก 'ผลไม้' ผ่านประเทศที่สาม
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) โครงการ 'Free Visa Transit' ของจีนเพิ่มท่าเรืออีก 5 แห่ง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ทัพฮิวแมนนอยด์ โชว์รำ 'เจ้าแม่กวนอิมพันมือ'ในกวางตุ้ง
รวบโจรจี้ร้านสะดวกซื้อ ชิงเงิน 3,800 หนีข้ามอำเภอ
เทศบาลตำบลแพรกษา สมุทรปราการ สืบสานประเพณีไทย “นฤมิตสายนที” ประเพณีลอยกระทง 2568
โฆษกทบ.ยันข่าว กองทัพเตรียมปล่อยเชลยศึกกัมพูชา เรื่องจริง เหตุผลเพราะ ทหารเขมรถอนอาวุธหนัก ไม่ขัดขวางเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​