“แม่ทัพกุ้ง” ลั่นกองทัพพร้อมเต็มที่ ถ้าจำเป็นต้องปะทะกัมพูชาอีกรอบ อธิบายคำตอบชัดๆ “ทหารมีไว้ทำไม”

"แม่ทัพกุ้ง" ลั่นกองทัพพร้อมเต็มที่ ถ้าจำเป็นต้องปะทะกัมพูชาอีกรอบ อธิบายคำตอบชัดๆ "ทหารมีไว้ทำไม"

“แม่ทัพกุ้ง” ลั่นกองทัพพร้อมเต็มที่ ถ้าจำเป็นต้องปะทะกัมพูชาอีกรอบ อธิบายคำตอบชัดๆ “ทหารมีไว้ทำไม”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

6 พ.ย.2568 ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต พลโท บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมงานเสวนาให้ความรู้แก่นักศึกษาวิชาทหาร เนื่องในวันที่ระลึกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ในหัวข้อเรื่อง “เกียรติภูมิของทหารไทย”

พลโท บุญสิน ยอมรับว่า ชีวิตไม่เคยคาดคิดว่า จะมาเป็นผู้บัญชาการรบในสนามรบ ซึ่งการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ถือเป็นการรบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่เคยมีมา ซึ่งโชคดีที่ได้ทำหน้าที่นี้ และถือเป็นความภาคภูมิใจ เพราะตนเรียนด้านนี้มาโดยเฉพาะ ตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนเสนาธิการ และอาจจะเป็นความโชคดีของกัมพูชาด้วยที่เจอกับตน เจอคู่ปรับแบบสมน้ำสมเนื้อ เพราะ เกียรติศักดิ์ของคนไทย เกียรติศักดิ์ของทหารไทยอยู่ที่ตัวแม่ทัพ ตนแบกหน้าคนไทยกว่า 70 ล้านคน ไปที่หน้าแนวรบ และไม่ใช่แม่ทัพคนเดียว ยังมีศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษมาด้วย รวมไปถึงศักดิ์ศรีของสถาบันชาติ พระมหากษัตริย์ ประชาชนทั้งหมด อยู่ที่ชายแดนในห้วงเวลานั้น ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ทำ เพราะได้มีการเตรียมการไว้หมดแล้ว โดยยุทธการทหารที่ได้การวิเคราะห์ สถานการณ์ตามช่วงเวลา โดยไม่ประมาท

ซึ่งต้องขอบคุณที่มีวันนั้น วันที่ปราสาทตาเหมือนธมเกิดเหตุ ถูกยั่วยุมาโดยตลอด และมีการยิงก่อนจากฝ่ายกัมพูชา จึงสร้างความชอบธรรมเราตอบโต้ป้องกันตัวเอง และนำมาซึ่ง 4 คืน 5 วัน และภูมะเขือ ซึ่งตนขอสดุดีวีรกรรมทหารทั้ง 16 นายที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน

 

 

 


พลโท บุญสิน ยังกล่าวถึง พฤติกรรมของกัมพูชาที่พูดอย่างทำอย่าง พร้อมตั้งคำถามว่า ต้องเรียกว่าพฤติกรรม หรือว่าสันดาน ซึ่งเราต้องศึกษาว่า เขาพฤติกรรมอย่างไร โดยไม่ประมาท ต้องรู้ทัน ซึ่งสิ่งที่เขาทำอาจจะไม่มีคุณธรรม หรือจริยธรรม ที่มีการยั่วยุ หรือเผาศาลาตรีมุข และนำกำลังล้ำเข้ามาในเขตไทย ซึ่งทหารที่แต่งเครื่องแบบจะไม่ค่อยทำกัน เพราะถือเป็นการหยามศักดิ์ศรีของทหารอีกประเทศหนึ่ง มากวนตีนแบบนี้ ซึ่งแต่ก่อนไม่มี และละเมิด MOU2543 อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจะเขียนไว้ทำไม MOU นี้

พลโท บุญสิน ยังพูดถึงการปิดด่าน ซึ่งก็เป็นการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ไม่ได้ใช้อารมณ์อะไร เพิ่มความเข้มงวดในการปิดด่าน ซึ่งพอเพิ่มความเข้มข้นก็เกิดผลกระทบ ฝ่ายกัมพูชาก็มาขอเจรจาว่า จะถอนกำลัง เป็นพอถอนกำลัง ก็มีเหตุการณ์ที่ประสาทตาเหมือนธมอีก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ป้ามหาภัย, เยาวชนนัดมาตีกัน แก๊งน้ำไม่อาบ ที่ทำผมปิดตามาข้างหนึ่ง ซึ่งตนก็หวังว่า เยาวชนของทั้งสองประเทศ จะเกิดการทะเลาะวิวาทกัน ขอปราสาทชั่วคราว แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอม บอกว่าเขาคุมได้ ซึ่งถ้าไม่ให้ปิดชั่วคราว ตนจึงปิดเลยดีกว่า พอถึงตี 2 เอารั้วลวดหนามล้อม พอฟ้าสางเขาก็ยิงเรา

พลโท บุญสิน พูดถึงกรณีที่ต้องขอบคุณที่ฝ่ายกัมพูชายิงก่อน เพราะที่ผ่านมาเขาเข้ามายึดพื้นที่เรานานแล้ว ที่ผ่านมาก็พยายามไล่ออกจากพื้นที่ด้วยขั้นตอน 1-4 พอมาถึง 5 จึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งตนก็อยากไปถึง 10 แต่เราเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า ประชาคมโลกก็ดูอยู่ว่า เราไปรังแกเขาหรือไม่ มีเหตุผลหรือไม่ ซึ่งช่วงแรกที่มีทหารขาหัก ก็มีคนเข้ามาด่าตนว่า ทำไมไม่บุก ยอมรับว่า ตอนนั้นรู้สึกเจ็บอยู่ แต่ว่า ต้องอดทน เพราะยังไม่ถึงเวลา มันยังไม่สมเหตุสมผล ซึ่ง 4 คืน 5 วัน เรายืดสุด ๆ แล้ว และได้เท่านี้ ซึ่งยังมีพื้นที่อื่นอีกที่ยังไม่เคลียร์ ก็เป็นไปตามเนื้อเพลงสายโลหิต

เมื่อพิธีกรถามย้ำว่า เป็นการส่งสัญญาณว่า ปราสาทตาควาย ต้องรอรุ่นต่อไปใช่หรือไม่ พลโท บุญสิน ย้ำว่า เพลงสายโลหิต หมดยุคนี้แล้วรอ และไม่ยอมรับว่าปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา แต่เป็นของไทย เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นของไทย ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ท่านจะทำอย่างไร ซึ่งก็มีหลายวิธี

 

พลโท บุญสิน กล่าวถึงแนวคิดของผู้บังคับบัญชาของทหารไทยในการรบว่า ต้องปกป้องชีวิตทหารไทยให้ได้มากที่สุด ส่วนของฝั่งกัมพูชา ไม่ได้สนใจชีวิตทหารเขา ยังใช้วีธีการรบแบบทุ่มกำลัง แบบสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งที่ปราสาทตาเมือนธม เขาก็ได้ใช้กำลังเยอะมาก ขึ้นมาทีประมาณ 100-200 นาย ส่วนทหารไทยอยู่ประมาณ 50 คน เพื่อรักษาปราสาท ซึ่งเราคิดไว้อยู่แล้ว ว่า เขาจะมาแบบนี้ จึงได้มีการวางแผนไว้ ซึ่งเราก็ยินดีต้อนรับ

เมื่อพิธีกรถามว่า การสู้รบที่ผ่านมา มีการวิเคราะห์ปัจจัยมาจากหลายสถานการณ์ อาทิ การเมือง, การแย่งทรัพยากรทางทะเลนั้น พลโท บุญสิน กล่าวว่า เริ่มนั้นเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาระดับสูง แต่ส่วนของแม่ทัพคือ ยึดแผนที่ 1:50,000 ซึ่งตนก็ได้ดูแผนที่ทุกวัน ซึ่งการที่เขาเข้ามายั่วยุด้วยวัตถุประสงค์ใดนั้นก็เป็นเรื่องของหน่วยเหนือ ที่จะไปวิเคราะห์ แต่ว่า อย่ามาล้ำแดนในช่วงที่ตนทำหน้าที่อยู่ และต้องหาเรื่องให้เขาออกจากพื้นที่ให้ได้ การที่นำทหารมีปืน เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเรา ถือเป็นการหยามเกียรติเรา

ส่วนจะมั่นใจได้อย่างไรว่า กัมพูชาจะไม่มาหาเรื่องเราอีก พลโท บุญสิน มองว่า ขึ้นอยู่กับผู้นำว่า ผู้นำกัมพูชาคือใคร ส่วนผู้นำเรา ก็อยู่ที่วิธีการเจรจาทางการทูต และพลังอำนาจในการเจรจาต่อรอง ซึ่งหลังจากวันนี้เป็นต้นไปกองทัพไทยกลับมาดูตัวเอง และสร้างกองทัพเรา ให้เป็นที่เชื่อถือ และเป็นที่ยำเกรง ทุกเหล่าทัพไปถอดบทเรียนว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งการที่มีโดรนบินเต็มประเทศไทยไปหมดมันคืออะไร ซึ่งยุทธวิธีไม่เหมือนเดิมแล้ว กองทัพเราต้องคิดใหม่ ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่จะสงบ ขึ้นอยู่กับผู้นำว่า คิดอะไรอยู่ และเราต้องคิดให้ทัน มีอำนาจต่อรอง ซึ่งก็จะนำไปสู่เรื่องของการเปิดด่านว่า จะเปิดหรือไม่ แต่ตนเชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบก ก็จะมีการพิจารณาร่วมกันว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเรื่องของรั้วชายแดนก็สามารถช่วยได้ ถ้ามีการสร้าง เพื่อประหยัดกำลังทหารที่ต้องยืนเฝ้า ซึ่งต้องสร้างตรงที่มีพื้นที่เข้าใจตรงกันแล้วก่อน

พลโท บุญสิน กล่าวว่า ตั้งแต่รับราชการมาสิ่งที่ภูมิใจที่สุดก็คือ การได้แผ่นดินคืน จากนั้นมีนักศึกษาวิชาทหาร ได้สอบถามพลโท บุญสิน ตอนนี้กองทัพไทยพร้อมหรือไม่ หากจะมีการปะทะอีกรอบ พลโท บุญสิน ระบุว่า พร้อมครับ ไม่ว่า จะเป็นกองทัพบก, อากาศ, เรือ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อม เพราะว่าเรารู้ว่า เกิดอะไรขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีก ผู้บังคับบัญชาวางแผนอนาคตตลอด ซึ่งเราจะไม่อยู่กับที่

ขณะที่นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 ถามย้ำว่า จะมีโอกาสสู้รบกันอีกหรือไม่ พลโท บุญสิน เราไม่ประมาทพร้อมทั้งสู้ และไม่สู้ แต่ส่วนที่ดีที่สุดคือ ไม่สู้แล้วได้มีสันติสุข ได้แผ่นดินไทยคืน ไม่มีการรุกล้ำอธิปไตย ไม่มีการสู้รบ ถือเป็นสิ่งที่ที่ดีที่สุด แต่ถ้ามีการยั่วยุ ที่จะแย่งแผ่นดินเรา เจรจาแล้ว ประท้วงแล้ว ไม่ปฏิบัติ ก็ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจในห้วงเวลานั้นที่จะตัดสินใจ ซึ่งเรื่องการสู้รบเป็นอีกเรื่องสุดท้ายเรื่องหนึ่ง ที่เราต้องคิดว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นต้องมีความพร้อม ซึ่งถ้าถามว่า มีโอกาสไหม ก็ทั้งมี และไม่มี แต่เราต้องเตรียมพร้อม ซึ่งถ้าถามว่า ทหารมีไว้ทำไม ก็มีไว้ป้องกันประเทศแบบ 4 คืน 5 วันที่ผ่านมา ที่เขาพร้อมจะสละเลือดเนื้อได้

พล.ท.บุญสิน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะปราสาทตาควาย ว่า เรื่องนี้ต้องให้ผู้ที่มีอำนาจในปัจจุบันเข้าไปดำเนินการแก้ไข และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งตนมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขได้

พร้อมย้ำเป็นกำลังใจให้ทหาร ผู้บัญชาการทหารบก นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะร่วมกันแก้ปัญหาในจุดนี้ พร้อมยืนยันปราสาทตาควายยังเป็นของไทยอยู่ และมองว่าควรจะเริ่มจากมาตรการเบาคือการพูดคุยกันก่อน เข้าสู่โต๊ะเจรจาก่อนเป็นลำดับแรก

ส่วนที่ตอนนี้มีประชาชน บางส่วนมองว่าให้ตีเอาปราสาทตาควายคืนมากลับบางส่วนให้รอก่อน โดยใช้เทคโนโลยีในการวัดพื้นที่ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทั้ง 2 วิธีนี้น่าจะเดินคู่กันได้ ซี่งไลดาร์ เป็นฝ่ายเทคนิค เราต้องคุยกับกรมแผนที่ทหาร ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถ้าใช้แล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ยุติธรรมหรือไม่ โดยเฉพาะผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอย่างไร ต้องคุยกันให้เข้าใจถึงจะใช้วิธีนั้น ส่วนปราสาทตาควายจะได้มาวิธีใด ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน เชื่อมั่นว่าผู้ใหญ่คงต้องคุยกัน เริ่มจากเบาไปหาหนัก ตั้งแต่ทำหนังสือประท้วง ยกหูโทรศัพท์คุยกัน ส่วนการใช้กำลังเป็นวิธีสุดท้าย ซึ่งต้องมีผลกระทบหลายอย่าง ก็ต้องเป็นข้อตกลงใจของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน

เมื่อถามว่า การใช้ไลดาร์ จะทำให้เราได้ปราสาทตาควายกลับคืนมา ใช่หรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ต้องไปถามจากฝ่ายเทคนิค เพราะเท่าที่ทราบไลดาร์เป็นเทคนิคใหม่ ใช้ดาวเทียมเชื่อมโยงสันปันน้ำหลายจุดให้ต่อกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้กรมแผนที่ทหาร เข้ามาชี้แจง และมาพูดคุยกันว่าหากใช้ไลดาร์ผลประโยชน์ของประเทศชาติจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า ต่างฝ่ายต่างยึดแผนที่ของตัวเองจะทำอย่างไร พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า มันขึ้นอยู่กับกายภาพ ภูมิประเทศ เป็นเนินเป็นที่สูง แต่ชัดเจนเป็นเขตพื้นที่ประเทศไทยอยู่แล้ว ปีนเขาขึ้นมาอยู่ประเทศไทยอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ต้องคุยกัน

“การใช้เทคโนโลยีไลดาร์ในการสำรวจเส้นเขตแดน ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นดำเนินการ ซึ่งการจะเริ่มดำเนินการ ต้องได้รับความเห็นชอบทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายเทคนิคจะคุยในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร โดยดูว่าผลประโยชน์ที่จะเกิดกับประเทศชาติเป็นอย่างไร”

เมื่อถามว่า มีคนค้านว่าใช้เทคโนโลยีนี้อาจจะทำให้ไทยสูญเสียบางส่วน พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ในกรณีที่ไม่เอาความเป็นจริงในปัจจุบัน ก็มีทั้งเสียและได้ ดังนั้นต้องไปดูว่าฝ่ายเทคนิคคุยกันอย่างไร โดยคนที่จะให้เหตุผลกับประชาชน ก็ต้องไปคุยกับฝ่ายเทคนิคว่าเมื่อทำไลดาร์แล้ว อะไรที่ได้ และอะไรที่ไม่ได้ ขณะที่ไทยอยู่อย่างไร และทางกัมพูชาอยู่อย่างไร จะได้หรือเสียตรงไหน เทียบกันแล้วกี่ตารางกิโลเมตร

ส่วนที่ทหารกัมพูชาพยายามสร้างทางขึ้นมาที่พลาญหินแปดก้อน ใกล้กับภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ จะเป็นการรุกเอาพื้นที่ของไทยหรือไม่ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ ผบ.หน่วย และทหารในพื้นที่ต้องดูข้อเท็จจริง ว่าเขาทำขึ้นมาในเขตพื้นที่เขาหรือไม่ และผิด MOU 43 หรือไม่ เพราะไม่ให้มีการก่อสร้างใกล้เส้นเขตแดน หรือจุดที่ยังไม่ได้ตกลงกัน ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างใดใดที่ทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงตรงนี้ก็ต้องประท้วงและยืนยันไม่ให้เคลื่อนไหว

เมื่อถามย้ำว่า แต่การประท้วงดูเหมือนจะไม่ได้ผล พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้บังคับหน่วยในห้วงนั้นที่จะเจรจา

 

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ โดยเฉพาะความจริงใจในการแก้ปัญหาของฝ่ายกัมพูชา นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า แม่ทัพ 2 คนปัจจุบัน ได้ทำตามนโยบาย และกรอบการเจรจาระหว่างกันอยู่แล้ว ทั้ง GBC และ RBC ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไปคือการถอนอาวุธหนักจากพื้นที่ แต่ความจริงใจในการแก้ปัญหาจะต้องขึ้นอยู่กับ ผบ.หน่วยในพื้นที่ และผู้นำกัมพูชา ว่าจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ พื้นที่ตรงไหนที่เรายืนยันว่าต้องถอนกำลังก็ต้องถอน และต้องยืนยันอย่างหนักแน่น ซึ่งผู้นำทุกระดับต้องคุยกัน

เมื่อถามว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเริ่มมีความกังวลว่าความเสียสละที่ผ่านมาจะไร้ค่า หากการเจรจาในอนาคตไม่มีผล พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าผู้บังคับบัญชา และรัฐบาล จะไม่ถอย ส่วนการทวงคืนพื้นที่ของไทย เชื่อว่าทุกฝ่ายมุ่งมั่นดำเนินการอยู่แล้ว พร้อมฝากถึงญาติผู้เสียชีวิตให้เชื่อมั่นว่าแผ่นดินที่เราได้มาจากการเสียสละ จะอยู่อยู่กับเราตลอดไป

ส่วนกรณีที่พบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ บริเวณช่องอานม้า และไม่ให้ความสนับสนุนในการเก็บกู้ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า แสดงว่าเขาสะบัดสัตย์ต่อการลงนาม เพราะบอกเองว่าจะให้ความร่วมมือกับทาง UN และร่วมลงนามกับสหรัฐอเมริกาซึ่งสหรัฐฯ ก็ให้งบประมาณกัมพูชามาด้วย ตอนนี้ก็ต้องไปดูว่าเขาวางใหม่จริงหรือไม่ มีหลักฐานที่จะประท้วงต่อประชาคมโลก หรือไม่ เพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติจริง

 

สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งมูลนิธิแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ยังไม่แล้วเสร็จ ยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังไม่ได้รับการอนุมัติหรือประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยังไม่เป็นทางการ แต่จะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะอยากช่วยเหลือพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ และผู้ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนจะช่วยประเทศชาติได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีหมายเลขบัญชีอย่างเป็นทางการ จึงอย่าเพิ่งโอนงบประมาณมาช่วย เพราะอาจจะถูกหลอกได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รพ.ตำรวจ เชิญร่วมงาน “สานต่อความสำเร็จ ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ครบ 200 ราย”
คณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศฯ มอบกรมศิลปากรดำเนินการจัดสร้างพระเมรุมาศฯ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2569
ภูเก็ตเดินหน้าพัฒนา “สนามบินระยะที่ 2” เพิ่มศักยภาพรองรับผู้โดยสารทะลุ 18 ล้านคนต่อปี
DSI เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายแฮกเว็บรัฐ รวบผู้ต้องหาเพิ่ม 3 ราย โยงพนันออนไลน์ - สแกมเมอร์ เงินหมุนเวียนกว่า 20,000 ล้านบาท
ผบก.ตม.6 ลงพื้นที่ด่านปาดังเบซาร์ เตรียมความพร้อมเปิด “Perlis Inland Port”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ รุ่นปี 2568 ผลัดที่ 2

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​