ที่ร้านปิ่นแก้วการเกษตร นายณรงค์เวช มหาเศรษฐพงศ์ ฝ่ายจัดซื้อลำไยเพื่อการส่งออก ในจังหวัดจันทบุรี ได้จัดอบรมกลุ่มแรงงานชาวกระเหรี่ยง เชื้อชาติเมียนมา จำนวน201 คนที่มีโอกาสเดินทางออกทำงานครั้งแรกในหลายสิบปีที่อพยพหนีภัยสงครามเมียนมา ในูนย์ผู้ลี้ภัยบ้านต้นยาง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ภายหลังจาก สหรัฐอเมริกาได้ประกาศหยุดจัดงบประมาณช่วยเหลือ คณรัฐมนตรี จึงมีมติ ประกาศให้กลุ่มผู้ลี้ภัยสงครามเมียนมา ทั้ง 9 ศูนย์ให้สามารถออกทำงานได้ ตามติ ครม.26 สิงหาคม2568

และจากการที่ไทยกัมพูชามีข้อพิพาทกันจนมีการปิดด่านนานร่วม4 เดือนทำให้ผู้ประกอบการลำไยและชาวสวนลำไยเดือดร้อนเรื่องแรงงานเก็บลำไยทำให้ล่าช้าไม่ทันเวลา แม้จะมีแรงงานกัมพูชาที่ตกค้างไม่ได้กลับประเทศและแรงงานจากอิสาน มาทำงานแต่ยังไม่เพียงพอ นายณรงค์เวช มหาเศรษฐพงศ์ ฝ่ายจัดซื้อลำไยเพื่อการส่งออกรายใหญ่ของจันทบุรี จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการเอกสาร ขอใช้แรงงานชาวกระเหรี่ยงเชื้อชาติเมียนมา จากศูนย์ผู้ลี้ภัยสงคราม บ้านต้นยาง เพื่อนำมาฝึกหัดเก็บลำไย เพื่อเป็นการแก้ไขการขาดแคลนแรงงาน ทดแทนแรงงานกัมพูชา ที่อนาคตข้างหน้าอาจจะขาดแคลนยิ่งขึ้นจากปัญหาข้อพิพาทไทยกัมพูชา โดยครั้งแรก ได้ทำเอกสารตามระเบียบของกระทรวงแรงงาน ผ่านจนสามารถเดินทางได้จำนวน201 คนซึ่งยังตกค้างเรื่องเอกสารอีกจำนวนหนึ่งโดยการดำเนินการครั้งนี้ นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน สส.เขต3 จันทบุรี พรรคประชาชนถือเป็นคนสำคัญในการร่วมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนสามรถนำแรงงานชนชาวกระเหรี่ยง ปะกากะยอ สัญชาติเมียนมา ออกทำงานนอกศูนย์ผู้ลี้ภัยสงครามเมียนมาได้สำเร็จ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขการขาดแคลนแรงงานของชาวจันทบุรี

แรงงานชนชาวกระเหรี่ยง ปะกากะยอ เชื้อชาติพม่า น่าจะเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกรชาวจันทบุรี ที่สามารถทดแทนแรงงานกัมพูชาที่ขาดไป ซึ่งจากการประเมินในเบื้องต้นชนชาวกระหรี่ยงที่บี้ภัยสงครามเมียนมา ทั้ง9 ศูนย์ ตลอดระยะเวบาที่ลี้ภัยมา ราว30 ปี ปีนี้เป็นปีแรกที่ มติ ครม.26 สิงหาคม2568 ได้เปิดโอกาสให้ออกทำงานนอกศูนย์ผู้ลี้ภัยได้ ในฐานะแรงงานเมียนมา



