ยืนข้างเสี่ยเฮ้ง! หม่อมหลวงวันรัชดา หนุนเอาช้าง 2 เชือกกลับไทย ไม่ต้องสนกระแสต้าน

ยืนข้างเสี่ยเฮ้ง! หม่อมหลวงวันรัชดา หนุนเอาช้าง 2 เชือกกลับไทย ไม่ต้องสนกระแสต้าน

หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ ได้โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังได้เจอกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยระบุใจความว่า ได้พบท่าน สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระหว่างที่รอรถกลับบ้าน เลยถือโอกาสเดินไปแนะนำตัว และขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่สนับสนุนให้ท่านนำ “ช้างไทย” สัตว์คู่บ้านคู่เมืองของเรากลับบ้าน

ท่านน่ารัก เป็นกันเอง และฟังประชาชนอย่างตั้งใจจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าท่านมีความเมตตาและมุ่งมั่นที่จะช่วย แม้จะถูกหลายฝ่ายโจมตี แต่สิ่งที่ท่านกำลังทำ ไม่ได้แค่ช่วยช้าง แต่คือการรักษา เกียรติและความอ่อนโยนของแผ่นดินไทย ไว้ด้วยค่ะ

“ช้างทูตไทย” อย่าง พลายประตูผา ที่ไปตั้งแต่ปี 2523 และ พลายศรีณรงค์ – พลายศักดิ์สุรินทร์ ที่ตามไปในปี 2545 ต่างถูกใช้งานในพิธีศาสนามาหลายสิบปี
บางเชือกป่วย บางเชือกถูกล่ามสี่ขา และบางเชือกถูกส่งกลับมาเพราะเจ็บงา

หลายครั้งพ่อพลายของเราต้องทนกับความเจ็บปวด ถูกหอกทิ่มแทงเพราะเขาสั่งด้วยความอ่อนโยนไม่เป็น บางครั้งไม่ได้หลับ ไม่ได้ถูกรักษาอย่างถูกวิธี
ถึงเวลาที่เราควรพูดแทนพวกเขา ให้ช้างได้พัก ได้อยู่ในที่ปลอดภัย และกลับบ้านอย่างสมศักดิ์ศรี

ช้างไทยไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงหรือของถวาย แต่คือ “ชีวิตคู่แผ่นดิน” ที่อยู่ในหัวใจของคนไทยทุกคน เพื่อนของเราไม่ควรถูกใช้งานจนหมดลมหายใจ

จะขอเป็นอีกแรงเล็ก ๆ ที่คอยสนับสนุนท่านและทีมงาน ให้ภารกิจพาช้างไทยกลับบ้านสำเร็จอย่างงดงาม เพราะ ศักดิ์ศรีของช้าง คือความอ่อนโยนของคนไทยทั้งประเทศ ขอบคุณมากค่ะ หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยก่อนหน้านี้ หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ทูตของเรา…ถูกทรมานมากี่ปีแล้ว?” พลายศรีณรงค์ — ช้างทูตไทย ที่ถูกส่งไปศรีลังกาในนาม “มิตรภาพระหว่างประเทศ” แต่สิ่งที่โลกเห็นทุกวันนี้ คือโซ่ที่ล่ามเท้า เหล็กที่บาดหลัง และดวงตาที่ไม่มีแววเหลือของคำว่า “มิตรภาพ” อีกต่อไป ถ้านี่คือสิ่งที่เรียกว่า “การให้เกียรติ” เราคงต้องถามกลับว่า — ศักดิ์ศรีของชาติไทยอยู่ตรงไหน?

 

ช้างไทยไม่ใช่ของฝาก ไม่ใช่ของตกแต่งพิธี แต่คือชีวิตที่มีหัวใจ มีความทรงจำ และมีความรู้สึก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง — กรมอุทยานแห่งชาติฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศต้องไม่เพียง “รับรู้” แต่ต้อง “ลงมือ” เพราะการนิ่งเฉยคือการยอมให้ความทรมานดำเนินต่อไป

 

 

 

 

 

ไม่ใช่เพื่อภาพลักษณ์ แต่เพื่อ “ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์”ที่ไม่ยอมให้สัตว์ผู้ซื่อสัตย์ที่สุดของชาติ ต้องร้องไห้อยู่ไกลบ้าน เพราะช้างคือ “มรดกทางวัฒนธรรม”ไม่ใช่ของเล่นทางการทูต หรือเหยื่อของความนิ่งเฉยจากผู้มีอำนาจ

ถ้าช้างคือสัญลักษณ์ของชาติหน่วยงานรัฐก็ควรเป็นสัญลักษณ์ของ “ความรับผิดชอบ” อย่าปล่อยให้คำว่า “มิตรภาพ” แปลว่า “ความทรมาน” ของช้างไทยอีกต่อไป ฉันติดตามเรื่องของ “พลายศรีณรงค์” ทุกวัน หวังว่าสักวัน…เขาจะได้กลับบ้านจริง ๆโคตรสงสาร ทูตหรือทาสในคราบศาสนา

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ไฮเออร์ ฉงชิ่ง “โรงงานต้นแบบด้านบุคลากร” แห่งแรกของโลก .
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) Airbus เปิด 'สายการประกอบขั้นสุดท้าย' แห่งใหม่ในจีน
สปน. ประชุมเตรียมความพร้อม จัดงานพระราชพิธีพระบรมศพ "สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง" อย่างสมพระเกียรติ
นักศึกษาพยาบาลน้ำใจงาม ช่วยผู้บาดเจ็บโดนควายขวิด
จังซีลอนร่วมพิธีแห่พระรอบเมืองภูเก็ต ประเพณีถือศีลกินผัก 2568
คณะแพทยศาสตร์ มช. รับมอบ “รถขนส่งโลหิตและอุปกรณ์ออกหน่วยฯ” ยกระดับภารกิจบริการโลหิตของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​