The Korea Times รายงานว่าเมื่อวานนี้ (พฤหัสที่ 23 ตค.) ฮัน บยองโด สมาชิกสภาผู้แทนฯ พรรคประชาธิปไตยเกาหลีใต้ได้เผยข้อมูลและตัวเลขจำนวนเงินที่ชายเกาหลีต้องสูญเสียให้กับแก๊งโรแมนซ์สแกมซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกัมพูชาและบางประเทศในอาเซียนระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2568 รวมแล้วเป็นจำนวนเงินสูงถึง 1 แสนล้านวอน (73 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือกว่า 2 พัน 300 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว (2567) ที่ความสูญเสียประมาณ 1 พัน 500 ล้านบาท ซึ่งหากเปรียบเทียบเป็นรายเดือน ความสูญเสียเพิ่มขึ้น 82% ต่อเดือน ขณะที่จำนวนผู้ถูกหลอกเพิ่มขึ้นจาก 1 พัน 265 คนเป็น 1 พัน 565 คนต่อเดือน
โดยหนึ่งในเหยื่อคือชายสกุลปาร์ก วัย 60 ปี ปาร์กเล่าว่าเขาเจอหญิงสาวคนหนึ่งผ่านโซเชียลเมื่อเดือนตุลาคม 2567 หลังจากพูดคุยกันหลายสัปดาห์จนหลงรัก หญิงสาวก็ได้ส่งลิงก์แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมาให้ พร้อมระบุว่าให้ “ผลตอบแทนสูง” ช่วงแรกๆปาร์กได้เงินกำไรคืนมาอย่างรวดเร็ว ปาร์กจึงเพิ่มเงินลงทุนจาก 1 ล้านวอน (ราว 2 หมื่นบาท) เป็น 200 ล้านวอน (4 หมื่น 5 พันบาท) ภายใน 2 เดือน ต่อมาเว็บไซต์ก็ถูกปิดลงโดยไม่มีการแจ้งเตือน และหญิงสาวก็หายตัวไปจากห้องแชท
ปาร์กรู้ตัวทันทีว่าโดนหลอก แต่หลังจากแจ้งตำรวจ ตำรวจบอกว่าดำเนินคดีไม่ได้เพราะคนร้ายอยู่ต่างประเทศ จนพบภายหลังว่าหญิงสาวทำงานให้กับแก๊งโรแมนซ์สแกม
ตำรวจเกาหลีใต้ได้เริ่มแกะรอยแก๊งโรแมนซ์สแกมมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2567 และพบว่าจำนวนผู้ถูกหลอกพุ่งสูงขึ้นจนน่าวิตก พร้อมระบุว่าเป็นฝีมือของแก๊งสแกมเมอร์ออนไลน์ในกัมพูชาและบางประเทศในอาเซียน โดยเครือข่ายเหล่านี้มักปลอมตัวเป็นหญิงสาวต่างชาติ เพื่อล่อลวงชายเกาหลีเข้าสู่แพลตฟอร์มการลงทุนจอมปลอม หรือที่เรียกว่าใช้ “กลลวงเชือดหมู” คือเปรียบเทียบเหยื่อเป็นหมู รอขุนให้อ้วนรอการเชือด
ข้อมูลเผยว่าแก๊งโรแมนซ์สแกมเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจข้ามชาติ “Prince Group” ของเฉินจื้อที่กำลังตกเป็นข่าวครึกโครมปมพัวพันเครือข่ายสแกมเมอร์ออนไลน์ในขณะนี้
แม้ตำรวจเกาหลีใต้จะยกระดับการกวาดล้าง แต่ก็จับกุมผุ้ต้องสงสัยได้เพียง 47% เท่านั้นในปีนี้ โดยตำรวจบอกว่าติดตามยากเพราะคนร้ายย้ายประเทศไปเรื่อยๆ และใช้วิธียักย้ายถ่ายโอนผ่านสกุลเงินคริปโตเพื่อปกปิดการทำธุรกรรม
นอกจากนี้กฎหมายป้องกันการฉ้อโกงทางการเงินด้านโทรคมนาคมของเกาหลีใต้ฉบับปัจจุบันก็มีข้อจำกัด และไม่ครอบคลุมเหยื่อโรแมนซ์สแกม ซึ่งต่างจากคดีอาชญากรรมออนไลน์อื่นๆ ทั้งนี้กฎหมายอนุญาตให้ธนาคารอายัดบัญชีเหยื่อที่สงสัยวาถูกหลอกโดยเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ทั่วไปเท่านั้น แต่ไม่ครอบคลุมกรณีที่เกี่ยวข้องกับ “การชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ” และในกรณีที่มิจฉาชีพหลอกให้ลงทุนโดยอ้างว่าเสนอผลตอบแทนสูง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วถือเป็นรูปแบบหนึ่งของบริการ ผู้เสียหายจึงไม่สามารถหยุดยั้งการถอนเงินได้ง่ายๆ

