อัยการ สคช.พิจิตร เปิดกฎหมายหาทางช่วยชาวบ้าน รวมกลุ่มเข้าโครงการกู้ 1 ล้านดอกเบี้ย 100 เลี้ยงวัว สุดท้ายเป็นหนี้ท่วมตัวทั้งๆ ที่ไม่ได้จับเงิน

วันที่ 26 กันยายน 2568 นายเอนก ถนอมจิตร์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดพิจิตร, นายประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของ สนง. อัยการ สคช.พิจิตร ลงพื้นที่ไปที่อาคารประชุมของหมู่บ้านหนองขนากหมู่ 7 ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร 

เนื่องจากมีกลุ่มเกษตรกรกว่า 30 คน รวมตัวกันรอร้องทุกข์ ซึ่งมี นายไพฑรูย์ สิงโตทอง อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านหนองขนาก ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร , นายสุวิเศษศักดิ์  ระงับภัย ชาวบ้านหมู่ 2 บ้านเขาตะพานนาก ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร , นายโกเมต  ด้วงหิรัญ ชาวบ้านหมู่ 1  ต.เขาเจ็ดลูก  อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านและประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ที่ให้ข้อมูลถึงความทุกข์ความเดือดร้อนว่าพวกตนเป็นชาวนาปกติก็มีหนี้สินจากการทำนาและราคาข้าวที่ตกต่ำ กระทั่งเมื่อช่วงปี 2565 ได้มีผู้จัดการ ธ.ก.ส. สาขาทับคล้อ มาเข้าร่วมจัดการประชุมชาวบ้าน โดยเสนอนโยบายโครงการของรัฐบาลที่ให้เงินกู้ 1 ล้าน เสียดอกเบี้ย 100 บาท/ปี แต่เกษตรกรต้องรวมตัวตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ต้องมีสมาชิก 7 – 10 คน (ซึ่งมีกลุ่มเลี้ยงโคขุน 22 กลุ่ม กลุ่มผลิตอาหารสัตว์ 3 กลุ่ม รวมเกษตรกรกว่า 200 ครอบครัว วงเงินเกือบ 50 ล้านบาทที่เป็นปัญหาและเกิดการร้องทุกข์ในครั้งนี้) ซึ่งการที่จะได้รับเงินกู้จาก ธ.ก.ส. กลุ่มละไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยเสนอให้ทำโครงการเลี้ยงโคขุน 4 เดือน ขายได้และจะมีผู้รับซื้อซึ่ง ธ.ก.ส.ประสานงานติดต่อด้านการตลาดให้ด้วย
จากนั้นสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเห็นว่า เป็นโครงการที่จะทำให้มีรายได้เพิ่มจึงสมัครเข้าร่วมโครงการและกู้เงิน ผู้จัดการ ธ.ก.ส .สาขาทับคล้อ ก็พาไปอบรมเรียนรู้ดูงานที่ฟาร์มเลี้ยงโคขุนของบริษัทเอกชน ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร มีวิทยากรบรรยายโครงการสวยหรู โดยได้เชิญบริษัทเอกชนผู้ซื้อจากประเทศมาเลเซีย , เวียดนาม ว่าจะเป็นผู้ซื้อ เมื่อจบขบวนการฝึกอบรมเรียนรู้ดูงานทำสัญญาเงินกู้เสร็จ ธ.ก.ส. ก็ประสานบริษัทเอกชน รายดังกล่าวจัดหาโคขุนมาให้เลี้ยง โดยสมาชิก 1 ราย มีสิทธิ์ได้แค่ขอเบิกเงิน 3-5 หมื่น มาทำคอกวัวที่หัวไร่ปลายนาของตนเอง
จากนั้นก็จะได้รับวัวมาเลี้ยง 7 – 10 ตัว บางคนก็ได้วัวตัวสมบูรณ์ บางคนก็ได้วัวแคระ แต่ชาวบ้านไม่กล้ามีปากเสียง จึงยอมตรวจรับโคขุนและก้มหน้าเลี้ยงตั้งใจหวังว่าจะจับขายได้เงินได้กำไร ในช่วงระหว่างที่เลี้ยง เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. ก็ประสานให้บริษัทเอกชนส่งวัตถุดิบให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งก็เป็นเกษตรกรในกลุ่มผู้เลี้ยงโคขุน เป็นผู้ดำเนินการผลิตอาหารสัตว์ส่งยังกลุ่มสมาชิกและเครือข่ายเฉพาะในเขต อ.ทับคล้อ เกือบสิบกลุ่มที่ต้องใช้อาหารสัตว์ แต่ปรากฏว่าเมื่อนำสูตรอาหารสัตว์ไปให้นักโภชนาการสัตวบาลตรวจหาคุณค่าสารอาหารปรากฎว่าวัตถุดิบที่ได้มาและสูตรที่ใช้ไม่ได้ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของโคขุนที่เลี้ยง
กลุ่มผู้เลี้ยงโคขุน จึงเปลี่ยนสูตรอาหารและจัดหาวัตถุดิบเอง เมื่อครบ 4 เดือน บริษัทและผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เมื่อตอนเข้าโครงการแสดงเจตนาจะซื้อในราคา กก.ละ 95 บาท ตามข้อตกลง MOU ของ ธ.ก.ส. – บริษัทเอกชน – กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน ก็ไม่มาซื้อยิ่งนานวันโคก็ต้องกินอาหารเลี้ยงนานต่อไปก็จะขาดทุน จากนั้นผู้จัดการ ธ.ก.ส.ทับคล้อ ก็แนะนำและบอกกลุ่มเกษตรกรว่าให้ไปยกเลิกข้อตกลง MOU เพื่อนำโคขุนไปขายตามตลาดนัดโคขุน จะได้เอาเงินมาใช้หนี้ ธ.ก.ส. เกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนจึงต้องนำวัวไปเร่ขาย ซึ่งในช่วงนั้นอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจึงขายวัวได้แค่ กก.ละ 80-85 บาท จึงทำให้ขาดทุนย่อยยับและกลายเป็นหนี้ท่วมตัวทั้งๆที่ไม่เคยได้จับเงินในบัญชีเงินกู้ดังกล่าวเลย ซึ่งรวมๆแล้วประมาณ 22 กลุ่ม ยอดเงินที่เป็นหนี้รวมประมาณ 50 ล้านบาทดังกล่าว
นายสุทัศน์ ฟองคำ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดพิจิตร , นายดำรงเกียรติ ทองเครือมา ผู้ช่วย ผอ.ธ.ก.ส. จังหวัดพิจิตร ได้ร่วมกันชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวคือ โครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทยสู้ภัยโควิดตามมติ ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 62 ซึ่ง ธ.ก.ส. มีมติสนับสนุนนโยบายของรัฐเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่นอกเหนือจากการทำนามีโครงการให้สินเชื่อเงินกู้ 1 ล้าน ดอกเบี้ย 100/ปี มีโปรโมชั่น 3 ปี กติกา คือ เกษตรกรรวมกลุ่มมีสมาชิก มีประธาน มีเลขาฯ ขับเคลื่อนโดยใช้มติของกลุ่มในการเข้าโครงการเลี้ยงโคขุน

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยวิธีการของ ธ.ก.ส. คือ 1.ประชุมชี้แจง 2.ให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อเข้าถึงแหล่งทุน 3.ศึกษาดูงาน 4.อบรมเรียนรู้ 5.ขึ้นทะเบียนวิสาหกิจชุมชน จากนั้นก็จะมีระบบสินเชื่อที่มีข้อตกลงคือการดำเนินธุรกิจใช้ตลาดนำการผลิตมีข้อตกลงกันระหว่างผู้เลี้ยง 22 กลุ่ม -ผู้รับซื้อ-ผู้ผลิตอาหารสัตว์ 3 กลุ่ม รวมวงเงินประมาณ 50 ล้านบาท โดยเป็นระบบเงินกู้แบบที่เรียกว่าธุรกรรมการเงิน Cash Rate หมายความว่ากลุ่มเกษตรกร-พ่อค้า-ธ.ก.ส. รับรู้ค่าใช้จ่าย โดยการรายงานและไม่ได้จับเงินเพราะเกรงว่าเกษตรกรจะนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้อบรมเรียนรู้จนเกษตรกรเข้าใจแล้วทั้งสิ้น
แต่เกษตรกรบางคน บางกลุ่ม ก็คิดว่าเป็นนโยบายของรัฐแจกเงินให้ฟรีกันเสียมากกว่า จึงไม่ค่อยเลี้ยงโคขุนอย่างปราณีต จึงทำให้มีปัญหาเพราะขาดความเชี่ยวชาญที่ถนัดแต่ทำนาแล้วมาเลี้ยงโคขุน ซึ่งไม่ใช่เรื่องทที่จะทำได้ง่ายๆเลยจึงทำให้เกิดการขาดทุนและปัญหาดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายบริหารของ ธ.ก.ส.พิจิตร รับทราบถึงปัญหาแล้ว
โดยในวันที่ 30 ก.ย. 68 ได้นัดกับศูนย์ดำรงธรรมพิจิตร-อัยการ สคช.พิจิตร –กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน เพื่อประชุมร่วมกันในการหาทางออกเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรต่อไป
สิทธิพจน์ เกบุ้ย ผู้สื่อข่าวTopNewsทั่วไทย จ.พิจิตร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

งบกระจายอำนาจเดินหน้า! เปิดเวทีผลักดันท้องถิ่นแข็งแรงยั่งยืน
เจอหลักฐานอื้อ "รมว.ยุติธรรม" ลุยเรือนจำพิเศษ ตรวจห้องลับ ชี้จนท.ร่วมผิดกว่า 20 คน สาวจีนถูกพาผ่านช่องทางไม่ปกติ
ฝนถล่มหนัก! ถนนรอบอ่างเก็บน้ำยะรมทรุดยาว 50 เมตร ปิดเส้นทางด่วน
มวลน้ำทะลักกลางเมือง! ถนนหลักหาดใหญ่ท่วมสูง การจราจรเป็นอัมพาต
แห่ไหว้ กุมารโข่ง ขอหวยกันเนืองแน่น ขอได้ไหว้รับ สุดยอดเมตตาโชคลาภแห่งวัดเขาไม้แดง
สุดทึ่ง! เด็กปฐมวัยแสดงในกิจกรรม Open Class รร.สัตหีบ เขต ฐท.สส.

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​