ชงกาแฟไทยให้โลกรู้จัก: ขยายตลาด สร้างแบรนด์ชุมชน

ชงกาแฟไทยให้โลกรู้จัก: ขยายตลาด สร้างแบรนด์ชุมชน

ภาคเหนือเปรียบได้ดั่งเป็นเมืองหลวงของกาแฟอะราบิก้าของประเทศไทย ด้วยมีการส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงเพาะปลูกมาเป็นเวลานาน และด้วยความแตกต่างในความเหมือน นั่นคือความแตกต่างของสภาพดิน น้ำ และในความเหมือนของระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลหลักพันเมตรขึ้นไป ทำให้ปัจจุบันจึงมีพื้นที่ปลูกกาแฟเกือบทุกจังหวัดในภาคเหนือตอนบน

 

 

กาแฟดอยสวนยาหลวงน่าน บ้านสันเจริญ ต.ผาทอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน

ที่ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ ตำบลผาทอง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน มีกาแฟที่ไม่เพียงแต่หอมกรุ่นในถ้วย แต่ยังอบอวลไปด้วยเรื่องราวของผู้คนและผืนดิน — นั่นคือ “กาแฟดอยสวนยาหลวงน่าน”

จากไร่ฝิ่นสู่ไร่กาแฟ ชุมชนบ้านสันเจริญมีประวัติยาวนานกว่าศตวรรษ จากเดิมที่เคยพึ่งพาการปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย ชาวบ้านหันเหสร้างชีวิตใหม่ด้วยการปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิกาแทน จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่พลิกผันชีวิตของคนบนดอยให้มีรายได้มั่นคงและอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยอากาศเย็นตลอดปีที่ระดับความสูงกว่า 1,000 เมตร จึงทำให้กาแฟที่ปลูกที่นี่มีรสชาติกลมกล่อม หอมละมุน ที่มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นถั่ว และกลิ่นผลไม้ รสชาติเข้มกลมกล่อม มีความเป็นสมุนไพรรสเผ็ดซ่า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใครของกาแฟดอยสวนยาหลวงน่าน

 

 

 

 

เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ชาวบ้านสันเจริญได้รวมตัวกันก่อตั้ง วิสาหกิจชุมชนกาแฟดอยสวนยาหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในการพัฒนาการผลิตและการตลาดกาแฟอย่างเป็นระบบ ภายในชุมชนมีการรวมกลุ่มกันเพื่อวางแผนการผลิต การจัดอบรมและถ่ายทอดความรู้ด้านการปลูก การเก็บเกี่ยว และการแปรรูปกาแฟให้ได้คุณภาพสูง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และสร้างแบรนด์ให้สะท้อนเรื่องราวความเป็นมาของกาแฟบนดอย เพื่อให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศสามารถเข้าถึงกาแฟไทยคุณภาพนี้ได้

 

 

 

การเติบโตของกาแฟดอยสวนยาหลวงยังเกิดขึ้นควบคู่กับการสนับสนุนจาก กรมส่งเสริมการเกษตร โดย สำนักงานเกษตรจังหวัดน่าน และ สำนักงานเกษตรอำเภอท่าวังผา หน่วยงานเหล่านี้ได้เข้ามาช่วยพัฒนาเกษตรกรอย่างเต็มที่ ทั้งการให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการเพาะปลูก การจัดการดินและน้ำ การป้องกันโรคแมลงศัตรูพืช ไปจนถึงการฝึกอบรมด้านการคัดเลือกเมล็ดและการแปรรูปกาแฟตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ พร้อมทั้งช่วยประสานงานการขึ้นทะเบียนมาตรฐานคุณภาพ เช่น GAP, อย., และ GI เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและเปิดโอกาสให้กาแฟไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ด้วยความร่วมมือระหว่างชุมชนและหน่วยงานรัฐนี้ กาแฟดอยสวนยาหลวงจึงไม่ใช่เพียงพืชเศรษฐกิจ แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น การพัฒนา และพลังของชุมชนที่สามารถพลิกชีวิตผู้คนบนดอยให้มีความมั่นคงและภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ของตนเอง

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จุดขายที่สร้างคุณค่า: GI และแบรนด์

สิ่งที่ทำให้กาแฟดอยสวนยาหลวงก้าวสู่การยอมรับในวงกว้าง คือการได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication: GI) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ด้วยจุดเด่นที่กาแฟดอยสวนยาหลวงน่าน เป็นกาแฟสายพันธุ์อาราบิกาที่ผ่านกระบวนการบ่มและคั่วในระยะเวลาที่เหมาะสม ผ่านกรรมวิธีการแปรรูปมาเป็นกาแฟสาร กาแฟคั่ว กาแฟคั่วบดคุณภาพสูง ช่วยการันตีคุณภาพและเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ พร้อมกันนั้นวิสาหกิจชุมชนได้สร้าง แบรนด์ “กาแฟสวนยาหลวง” ควบคู่กับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดูพรีเมียม สะท้อนเรื่องราวความเป็นมาของกาแฟบนดอย เพื่อสร้างจุดขายที่แข็งแกร่งตีตลาดบนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ตลาดภายในประเทศ กาแฟสวนยาหลวง มีวางจำหน่ายในจังหวัดใหญ่ อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหากาแฟพรีเมียมและกาแฟที่มีเรื่องราวของชุมชน ส่วนใน ตลาดต่างประเทศ กาแฟสวนยาหลวงได้ส่งออกไปยังประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง และบางประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส โดยผู้บริโภคต่างประเทศชื่นชอบรสชาติที่กลมกล่อม หอมละมุน และคุณค่าของความยั่งยืนจากชุมชนเกษตรกรบนดอย

 

 

 

ด้วยการผสาน คุณค่าเชิงพื้นที่ (GI) เข้ากับเรื่องราวชุมชน (Story) และการสร้างแบรนด์พรีเมียม กาแฟดอยสวนยาหลวงจึงไม่ใช่เพียงเครื่องดื่ม แต่เป็น ตัวแทนของกาแฟไทยคุณภาพสูง ที่พร้อมแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ

พลังของชุมชนที่ผลักดันสู่โลก

วันนี้ กาแฟดอยสวนยาหลวงไม่ได้เป็นเพียงพืชในไร่ แต่เป็น สัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น และการพัฒนาชุมชน ที่มีการรวมตัวกันของเกษตรกรผู้ปลูกกว่า 143 ครัวเรือน รวมพื้นที่เพาะปลูกกว่า 5,000 ไร่ มีกำลังการผลิตนับพันตันต่อปี ใช้วิธีการแปรรูปใช้มาตรฐานสากลทั้งแบบ Washed, Natural และ Honey Process พร้อมการคั่วหลายระดับ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หลากหลาย การันตีด้วยมาตรฐาน GAP, อย. และ GI

 

 

 

 

ในด้าน ปริมาณผลผลิตและมูลค่าการขาย ของวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแปรรูปกาแฟสวนยาหลวงสามารถผลิต กาแฟสารอาราบิก้าได้กว่าปีละ 3,100 ตัน และกาแฟโรบัสต้ากว่าปีละ 261 ตันต่อปี โดยราคาขายกาแฟสารอาราบิก้าอยู่ที่ 230 บาทต่อกิโลกรัม และกาแฟคั่วพรีเมียมขายได้ถึง 380 บาทต่อกิโลกรัม กาแฟโรบัสต้าราคา 160 บาท/กิโลกรัมซึ่งรวมแล้ววิสาหกิจชุมชนสามารถสร้าง รายได้จากการขายกาแฟสารและกาแฟคั่วรวมกว่า 3.37 ล้านบาทต่อปี สำหรับการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์

 

 

 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์พรีเมียมยังช่วยเพิ่มมูลค่าของกาแฟสวนยาหลวง ทำให้สามารถเจาะตลาดพรีเมียมทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมั่นคง กาแฟจากบ้านสันเจริญจึงไม่เพียงเป็นสินค้าโอทอปตัวท็อปของจังหวัดน่าน แต่ยัง กลายเป็นตัวแทนกาแฟไทยคุณภาพสูง ที่พร้อมส่งต่อรสชาติและเรื่องราวความยั่งยืนจากชุมชนสู่สายตาชาวโลก

 

 

 

ด้วยการรวมพลังของคนในชุมชน กาแฟจากบ้านสันเจริญจึงกลายเป็นโอทอปเด่นของจังหวัดน่าน และกำลังถูกชงขึ้นสู่สายตาชาวโลกในฐานะ “กาแฟไทยคุณภาพ” ที่ทั้งหอม อร่อย และมีเรื่องเล่าแทรกอยู่ในทุกเมล็ด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

10 องค์กรผนึกกำลังคืนคนดีสู่สังคมที่ดีในอนาคตหลังพ้นโทษ
"วิทยาลัยดุสิต" เปิด workshop สุดพิเศษ "idol Table Manners" เสริมบุคลิกภาพ 10 คนสุดท้ายคิดดีไอดอล 2025 เสริมความมั่นใจในการเข้าสังคมและกิจกรรมสาธารณะ
จีนเรียกร้องสหรัฐถอนระบบขีปนาวุธไทฟอนออกจากญี่ปุ่น
ประชุมหารือแนวทางและกฎเกณฑ์การเปิดตลาดริมคลองพานทอง และ ถนนคนเดิน
ชวน ชิม ชอป เที่ยวงานวัดสุทัศน์ เทิดพระเกียรติ ร.8 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี ระหว่าง 20-27 กันยายน 68
พ่อเมืองเพชรบุรีคนใหม่มอบนโยบายเชิงรุกแก่กำนัน ผญบ. เน้นย้ำต้องมีใจรักประชาชน แก้ปัญหาสิ่งเสพติด

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​