“สภาองค์กรผู้บริโภค” หนุน “นายกฯอนุทิน” สานต่อนโยบายภท.ค่ารถไฟฟ้า 40 บาทต่อวัน ยันปชช.ได้ประโยชน์ ไม่กระทบสถานะการคลังปท.

“สารี” ยืนยันนโยบายค่าโดยสารถูกลงเป็นไปได้ ใช้งบสนับสนุนไม่สูงแต่ได้ผลประโยชน์มหาศาล หนุนรัฐบาลอนุทินเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน พร้อมผลักดันกองทุนขนส่งสาธารณะและ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม แก้ค่าครองชีพ-ปัญหามลพิษอย่างยั่งยืน

“สภาองค์กรผู้บริโภค” หนุน “นายกฯอนุทิน” สานต่อนโยบายภท.ค่ารถไฟฟ้า 40 บาทต่อวัน ยันปชช.ได้ประโยชน์ ไม่กระทบสถานะการคลังปท. – Top News รายงาน

สภาองค์กรผู้บริโภค

ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงอนาคคตนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ของพรรคเพื่อไทย ว่า “เรื่องนี้ต้องพิจารณาดูก่อน หากทำแล้วประชาชนได้ประโยชน์แน่ เพราะที่ผ่านมาบางโครงการดำเนินการแล้วพบว่ามีการขาดทุน ซึ่งเราต้องรักษาวินัยทางการเงินการคลังด้วย เพื่อให้โครงการสามารถอยู่รอดได้ เพราะถ้ารัฐต้องหางบประมาณเพื่อมาชดเชยส่วนต่างทุกๆปีในการดำเนินการเพื่อซื้อกิจการคืนจากผู้ที่ลงทุนก็คงไม่ใช่แนวทางที่ควรปฏิบัติ

อย่างไรก็ตามข้อมูลวันที่ 28 ส.ค. 2568 พบว่ามียอดผู้ลงทะเบียนพร้อมใช้สิทธิรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายผ่านแอปทางรัฐกว่า 2.6 แสนราย และร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมพ.ศ. …,ร่าง พ.ร.บ.รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 และร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางรางฯ อยู่ระหว่างรอวุฒิสภาพิจารณาก่อนมีผลบังคับใช้ต่อไป

ล่าสุด นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) เปิดเผยกับสำนักข่าว TOPNEWS ถึงแนวคิดสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้าราคาถูก ว่า ในช่วงที่ผ่านมา สภาองค์กรผู้บริโภค ได้ทำเรื่องโครงการรถไฟฟ้านี้ ตั้งแต่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเสนอนโยบายค่าบริการขนส่งสาธารณะจะต้องไม่เกิน10% ของค่าแรงขั้นต่ำ เพราะคิดว่าในค่าแรง 300 บาท จะต้องมีค่าอาหาร ที่พัก ค่าอื่นๆ โดยในสมัยรัฐบาลนั้น จะคิดค่าโดยสารที่ 65 บาทตลอดสาย ซึ่งทางสภาผู้บริโภคได้คัดค้านเรื่องนี้ และในช่วงนั้น พรรคภูมิใจไทยได้ช่วยสภาฯ คัดค้านในเรื่องนี้ โดยรัฐมนตรีไม่เข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ทำให้ไม่สามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ และสภาฯ เห็นว่าเมื่อมีการชะลอเรื่องนี้ออกไป จึงควรกลับมาสู่เป้าหมายในการทำให้บริการระบบขนส่งสาธารณะถูกลง เพื่อให้ทุกคนใช้บริการได้ทุกวัน

ทั้งนี้ สภาฯได้รับข้อมูลจากคมนาคม โดยกทม.เสนอค่าโดยสารตลอดสายที่ 65 บาท ส่วนคมนาคม เสนอ 49.83 บาท โดยสภาฯได้คำนวนตัวเลขพบว่า หากลดค่าโดยสารของกระทรวงคมนาคมครึ่งหนึ่งจะทำใหัค่าโดยสารเหลือเพียง 25 บาทตลอดสาย กทม.ก็ยังมีกำไรถึง 2 พันล้านบาท ซึ่งสภาฯมองว่า เพียงพอแล้ว ขณะที่อัตราค่าโดยสารของกทม. ที่ 65 บาท จะทำให้มีกำไรถึง 6 แสนล้านบาทจาก ตัวเลขคาดการณ์ ณ ขณะนั้น ดังน้้น ค่าโดยสารที่ 49.83 ล้านบาท ของกระทรวงคมนาคม ก็จะมีกำไรถึงหมื่นบ้านบาท .ทำให้สภาฯ ได้ตัวเลขมา 1 ตัว คือ ราคาค่าโดยสารที่ 25 บาทต่อการเดินทาง ซึ่งประชาชนเป็นคนจ่ายทั้งหมด และจะขยายสัมปทานสายสีเขียวในขณะนั้น และมองว่า ค่าโดยสารที่ 25 บาทสามารถเป็นไปได้จริง

ขณะเดียวกัน สภาองค์กรของผู้บริโภค ยังได้ให้นักวิชาการทำงานวิจัยให้กับสภาฯในเรื่องนี้ ว่า ต้นทุนการเดินรถอยู่ที่ 10.30-16.10 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขต้นทุนที่สภาได้ทำการศึกษาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขของกรุงเทพมหานคร ที่นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้ข้อมูลกับสภาองค์กรของผู้บริโภคจะอยู่ที่ประมาณ 11 ถึง 13 บาท และตัวเลขต้นทุนล่าสุดของกรมขนส่งทางราง ก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่าง เช่นรถไฟรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงินและรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีต้นทุนการเดินรถอยู่ที่ประมาณ 16 บาท ส่วนต้นทุนของรถไฟฟ้าโมโนเรลอยู่ที่ประมาณ 11 บาท จึงทำให้สภาองค์กรของผู้บริโภคมั่นใจว่าอัตราค่าโดยสารที่ 20 บาทตลอดสาย มีความเป็นไปได้ และยังใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อมาสนับสนุนตรงจุดนี้ไม่มากนัก หากทำให้ระบบขนส่งสาธารณะให้ทุกคนใช้บริการได้จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เช่นที่จะใช้เงิน 5,500 ล้านบาท เพื่อมาสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทในทุกเส้นทาง จะทำให้เกิดผลประโยชน์ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าเงินจะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท ดังนั้น เงิน 1 บาทที่จะใช้ไปจะได้เงินกลับมา 2 บาท อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 / การใช่ฟอสซิล และอื่นๆ สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงสนับสนุนให้มีการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รวมถึงยังสนับสนุนให้หัวเมืองต่างๆ อาทิ กาญจนบุรี ภูเก็ต ขอบแก่น เชียงใหม่ ให้เกิดกองทุนขนส่งสาธารณะระดับจังหวัดขึ้น จากการใช้ภาษีจดทะเบียนรถยนต์ หรือ ภาษีล้อเลื่อนมาสนับสนุนเรื่องนี้

นางสาวสารี กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะมีการสนับสนุนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะเห็นว่าทุกพรรคการเมืองมีนโยบายการขนส่งสาธารณะ โดยพรรคเพื่อไทย ได้ชูธงเรื่อง รถไฟฟ้า 20 บาท ขณะที่ภูมิใจไทย ได้เสนอเรื่อง 40 บาททั้งวัน ซึ่งสภาฯมองว่า นโยบายในเรื่องนี้ไม่ได้ต่างกัน เพียงแต่ในช่วงนั้น พรรคภูมิใจไทยไม่ได้คุมกระทรวงคมนาคม ดังนั้น นโยบาย 20 บาทตลอดสาย และนโยบาย 40 บาทท้้งวันจึงไม่ต่างกัน และสภาองค์กรของผู้บริโภคมั่นใจว่า นโยบาย40 บาทตลอดวันก็เป็นนโยบายที่สำคัญของพรรคภูมิใจไทยเช่นเดียวกัน และในรัฐบาลชุดใหม่ พรรคภูมิใจไทยก็ได้ดูแลกระทรวงคมนาคม จึงคาดว่าจะเห็นตัวเลขต้นทุนเป็นอย่างดีและเห็นว่า อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดทั้งวัน และหากนำเอารถเมลล์มาเป็นฟีดเดอร์จะยิ่งทำให้ประชาชนสนับสนุนนโยบายนี้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จะเห็นว่าขณะนี้ทั้งเศรษฐกิจและรายได้ฝืดเคือง คนมีความลำบาก การคิดอัตราค่าบริการขนส่งมวลชนใหัถูกลงก็จะทำให้ประชาชนรู้สึกว่าลดค่าครองชีพไปได้มาก

“อยากเห็นรัฐบาลที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล จะเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน และอยากเห็นพ.ร.บ.ตั๋วร่วมเป็นเครื่องมือในการทำเรื่องนี้ และเชื่อว่าค่าโดยสาร 40 บาทตลอดทั้งวัน จะทำให้คนพึงพอใจ และที่สำคัญจะต้องทำให้รถเมล์เป็นฟีดเดอร์ของระบบขนส่งสาธารณะจะสามารถช่วยลดการใช้ฟอสซิลได้มากและยัง เป็นทิศทางที่ดีของประเทศรวมถึงยังสามารถช่วยแก้PM 2.5 ได้อีกด้วย”

และเอถามถึงเงินส่วนต่างค่าเดินทาง ที่รัฐบาลจะต้องนำมาสนับสนุนโครงการนี้จะส่งผลกระทบกับสถานะเงินคงคลังมากน้อยแค่ไหน นางสาวสารี กล่าวว่า จริงๆประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาเรื่องไม่มีเงิน แต่มีปัญหาเรื่องการใช้เงิน ที่ไม่ได้มีการจัดลำดับการใช้เงิน และไม่ได้ใช้เงินที่จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่เป็นการเน้นเรื่องการก่อสร้างมากกว่า ดังนั้น หากทำให้เกิดการนำเงินเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ก็จะไม่เป็นภาระทางการเงินการคลัง

ยกตัวอย่างหากมีการ เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะต้องใช้เงินสนับสนุนโครงการนี้ 5,500 ล้านบาท โดยขณะนี้เรามีภาษีล้อเลื่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1.6 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ที่ถามว่า จะมีการนำเงินจากคนในต่างจังหวัดมาสนับสนุนคนกทม.หรือไม่นั้น ตอบว่าไม่ใช่ ถ้ามีการใช้ภาษีให้ถูกประเภท หรือ คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในกทม.ควรที่จะต้องรับผิดชอบ หากรถไฟฟ้าสามารถให้บริการได้ทุกคนและขึ้นได้ทุกวัน จากการปล่อยมลพิษของรถยนต์ส่วนตัว ผ่านการเก็บภาษีรถยนต์เพิ่มขึ้น เพื่อมาสนับสนุนตรงจุดนี้

นางสาวสารี กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมารถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีม่วง ได้ประสบภาวะขาดทุนเพราะคนใช้บริการน้อย และรัฐบาลก็ได้ให้สนับสนุนในส่วนนั้น แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการ 20 บาทตลอดสาย ปรากฏว่า รถไฟฟ้าสายดังกล่าวขาดทุนน้อยลง จากประชาชนที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น และสิ่งที่สภาฯอยากเห็นในรัฐบาลนี้ คือการทำให้เกิดกองทุนขนส่งสาธารณะในทุกจังหวัด รวมถึงการเกิด พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ที่ได้กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อมาดูแลเรื่องค่าโดยสารร่วมกันของทุกระบบ รวมถึงยังเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกเรื่องบัตรโดยสารที่ปัจจุบันผู้โดยสารจะต้องมีบัตรโดยสารหลายใบเพื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และสภาฯมั่นใจว่า ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน ยังเป็นเรื่องที่ทำได้ทันทีและยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการใช้บริการของประชาชนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าโฆษณาตามขบวนรถหรือสถานีต่างๆที่จะเป็นรายได้ในการเดินหน้านโยบายขนส่งสาธารณะอย่างเป็นระบบอีกด้วย

 

 

ส่วนมุมมองความคุ้มค่าของโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายและโครงการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน โครงการไหนจะมีความคุ้มค่ามากกว่ากัน นางสาวสารี กล่าวว่า ความจริงทั้งสองโครงการไม่แตกต่างกันมาก แต่โครงการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวันของพรรคภูมิใจไทย ประชาชนสามารถใช้บริการได้ไม่จำกัดเที่ยวตลอดวันหากเดินทางมากกว่า 2 ครั้งต่อวันประชาชนก็จะได้ประโยชน์ ส่วน โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะขึ้นได้ครั้งเดียว หากเดินทางไปกลับจะต้องจ่ายเงิน 40 บาท

ขณะเดียวกัน สภาฯอยากเห็นเอาเรื่องฟีดเดอร์เข้ามารวมด้วย เพื่อทำให้ ทั้งระบบสมบูรณ์และไม่น่าจะ เหลือบ่ากว่าแรง ทีม ของภูมิใจไทยซึ่งดูกระทรวงคมนาคมมาอย่างยาวนานก็น่าจะพอทำได้และจากการสอบถามอธิบดีกรมขนส่งทางรางหรือทีมสนข.ซึ่งได้ผลักดันเรื่องนโยบายการขนส่งสาธารณะมาอย่างยาวนานทุกคนอยากเห็นเรื่องนี้ทั้งนั้น

“คือเวลาที่เราไม่อยากทำอะไร เราก็หาข้ออ้าง ซึ่งเราไม่อยากเห็นรัฐบาลชุดนี้ใช้แบบนี้ อย่างเช่นรัฐบาลที่แล้ว ที่ได้ทำเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทเป็นเรือธงมาตลอด แต่ปรากฏว่าพอจะต้องดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมก็ได้ส่งเรื่องนี้ไปให้กฤษฎีกาตีความ ว่ารัฐบาลสามารถใช้งบกลางแบบนี้ได้หรือไม่แต่ขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาทำเรื่อง TOMORROW LAND โดยใช้เงิน 2,000 ล้านบาท ก็ไม่เห็นจะให้ กฤษฎีกาตีความว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินหรือไม่เราคิดว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำให้ค่าของชีพประชาชนลดลงและทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และบริการขนส่งมวลชนมัยได้หลายต่อมาก คุณลงทุน 5,500 ล้านบาท แต่ได้เงินกลับมา 11,000 ล้านบาท ถือว่าคุ้มมาก จึงอยากให้รัฐบาลนี้เดินหน้า 40 บาทตลอดวันรวมถึงรถเมล์ที่จะเป็น ฟีดเดอร์ ต่างๆด้วย” สารี กล่าว

ส่วนประเด็นข้อจำกัดอายุรัฐบาล 4 ดือนจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะเห็นโครงการรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน นางสาวสารี ระบุว่า ขณะนี้ สนข. และกรมขนส่งทางราง มีความพร้อมมาก เพียงแต่ให้คณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีมีมุมมองทางการเมืองก็สามารถดำเนินการได้ทันที รวมถึงเรื่องกองทุนฯที่จะทำให้เกิดขึ้นได้ในทุกจังหวัดก็จะได้ใจของประชาชน

สุดท้าย นางสาวสารี ได้ฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ว่า อยากให้รัฐบาลทำเรื่องบริการขนส่งสาธารณะ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ 2 เรื่องของภัยออนไลน์ ที่ประชาชนยังไม่ได้รับการเยียวยา เพราะยังไม่รู้ถึงตัวผู้ขายของมนแพลตฟอร์มทั้งหลาย จึงทำให้เวลาที่ถูกโกงก็ไม่รู้จะเอาเงินคืนจากใคร โดยถือเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องในการทำให้มีการลงทะเบียนผู้ขายสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด

นายกฯอนุทิน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รวบแรงงานเมียนมา 18 ชีวิต! ลอบเข้าไทย ผู้นำพาถูกจับพร้อมรถกระบะ 2 คัน
จันทบุรี นางเขื่อน พร้อมครอบครัว ถึงชายแดนด่านถาวรบ้านแหลมแล้ว บรรยากาศส่งตัวผลักดันกลับประเทศ
กองกำลังผาเมือง สกัดแก๊งขนยาเสพติดบนดอยแม่ฟ้าหลวง ยึดไอซ์ 99 กก.
"วราวุธ" อำลากระทรวง "พม." เป็นทางการ ภูมิใจทำหน้าที่ดูแลสังคม พร้อมเป็นฝ่ายค้าน เชื่อเลือกตั้งใหม่ชทพ.ได้สส.เพิ่ม
หมูเด้ง ปันน้ำใจ ส่งกำลังใจสู่ชายแดนไทย จ.อุบลราชธานี
อบจ.สมุทรสาครจัดพิธีมอบทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาครประจำปีงบประมาณ 68

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​