เมื่อวานนี้ (8 กย.)ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ สำนักควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) กระทรวงการคลังสหรัฐได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินและทางการทูตเครือข่ายสแกมเมอร์เกือบ 20 เป้าหมายทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทั้งหมดอยู่ในเมียนมาและกัมพุชา
แถลงการณ์ระบุว่ามาตรการคว่าบาตรครอบคลุม 9 เป้าหมายทั้งที่เป็นบุคคลและเป็นบริษัทซึ่งมีความเชื่อมโยงกับเมืองชเวโก๊กโก ประเทศเมียนมา อีก 10 เป้าหมายอยู่ในกัมพูชา และว่าเครือข่ายสแกมเมอร์ในสองประเทศนี้ไม่เพียงเป็นภัยคุกคามต่อชาวอเมริกันจำนวนมาก แต่ยังทำให้ประชาชนหลายพันคนทั่วโลกตกเป็นเหยือค้ามนุษย์ในโลกสมัยใหม่ พร้อมเผยว่าปีที่แล้ว (2567) ชาวอเมริกันต้องสูญเงินให้กับแก๊งหลอกลวงออนไลน์เหล่านี้มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 3.2 แสนล้านบาท)
ในส่วนของเมียนมา คลังสหรัฐได้สั่งคว่ำบาตรนายทิน วิน, ซอมิน, มินอู, และชิต หลินเมียง โคฐานกระทำการในนามของกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องแก๊งสแกมเมอร์ในชเวโก๊กโก นอกจากนี้ยังสั่งคว่ำบาตรนายเฉอ จื้อเจียง ผู้ก่อต้้งบริษัทหย่าไท่ และยังรวมถึงบริษัทอีกหลายแห่งที่มีความเชื่อมโยงกับหย่าไท่ สหรัฐยังได้กำหนดให้ KNA มีสถานะเป็นองค์กราชญากรรมข้ามชาติ เช่นเดียวกับตัวผู้นำอย่าง ซอ ชิต ตู และบุตรชาย 2 คน เนื่องจากมีบทบาทในการอำนวยความสะดวกในการหลอกลวงทางไซเบอร์ที่เป็นอันตรายต่อพลเมืองสหรัฐฯ การค้ามนุษย์ และการลักลอบขนสินค้าข้ามพรมแดน โดยผู้ถูกคว่ำบาตรจะไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐและทำธุรกรรมในธนาคารของสหรัฐ
สำหรับกัมพูชา สหรัฐได้สั่งคว่ำบาตรนายตง เล่อเฉิง, นายซู อ้ายหมิน, นายเฉิน แอลเลน, นายซู เหลียงเชิง และบริษัทอีก 6 แห่งที่มีความเชื่อมโยงกัน รวมทั้งบริษัท K B X Investment Co. Ltd., บริษัท เฮง เฮ บาเวต พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Heng He Bavet), T C Capital, K B Hotel, M D S Heng He (เอ็มดีเอส เฮิง เหอ)
แถลงการณ์ระบุว่าเมียนมาและกัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางเครือข่ายสแกมเมอร์ในช่วงไม่กี่ปีที่มา ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรชาวจีน หลอกลวงเอาเงินจากเหยื่อจากทั่วทุกมุมโลก ขณะที่พนักงานที่ทำงานในแก๊งสแกมเมอร์บางส่วนก็เป็นเหยื่อถูกหลอกมาทำงาน ซึ่งจากการประเมินของหน่วยงานสหรัฐ พบว่ามีผู้เคราะห์ร้ายประมาณ 1 หมื่น 5 หมื่นคนถูกหลอกและจับเป็นตัวประกันอยู่ในกัมพูชา ขณะที่ข้อมูลจากรัฐบาลไทยชี้ว่าประมาณ 1 แสนคนถูกคุมตัวอยู่ในเมียนมา