สว.อีสานใต้ ลงพื้นที่ชายแดน รับฟังปัญหา พร้อมเสนอรัฐบาลใหม่ ให้เร่งช่วยเหลือ

ซึ่งทางโรงเรียนบ้านโจรก ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ แห่งนี้ เป็นโรงเรียนขยายโอกาสมีนักเรียนจำนวน 369 คนสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้น้องน้ำโขงหรือเด็กชายธิติวัฒน์ บุญแต่ง อายุ 8 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่ถูกจรวด BM 21 ของกัมพูชาตกใส่จนเสียชีวิต พร้อมกับนายบัณฑิต บุญแต่ง อายุ 34 ปี รวม 2 ชีวิต ที่บ้านเลขที่ 159 บ.โจรกฯซึ่งเป็นบ้านของปู่ย่าน้องน้ำโขง โดยโรงเรียนแห่งนี้ยังคงมีความต้องการและขาดเรื่องของหลุมหลบภัย ที่มั่นคงแข็งแรง ซึ่งภาครัฐหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชนต่างๆ ก็เริ่มเข้ามาสนับสนุนอยู่ในระหว่างการดำเนินการ และยังไม่เพียงพอ ยังต้องการยางรถยนต์และดินจำนวนมาก ประกอบกับผู้รับเหมาขนดินในพื้นที่คิดราคาบรรทุกดินต่อคันที่มีราคาสูงเกินไป ถึงคันละ 750 บาท ทางโรงเรียนจึงไม่มีงบสั่งดินมาสร้างบังเกอร์ รวมไปถึงเรื่องของความปลอดภัยและสวัสดิการของบุคคลากรด้านการศึกษาที่ต้องเร่งผลักดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแล โดยเฉพาะเบี้ยเสี่ยงภัย

พลตำรวจโทบุญจันทร์ นวลสาย ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า โครงการ สว.พบประชาชน โดย สว.อีสานล่าง จากหลายจังหวัด ได้ลงพื้นที่ เพื่อดูปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนจังหวัดชายแดน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลุมหลบภัย ซึ่งจำเป็นอย่างเร่งด่วนในขณะนี้เพื่อความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัยให้กับชาวบ้านและตามโรงเรียนต่างๆ รวมไปถึงเรื่องของขวัญกำลังใจของบุคคลครู ซึ่งโรงเรียที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ยังไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งจะมีผลต่อกำลังใจครู บุคลากรทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการเรื่องเบี้ยเสี่ยงภัย

ผลสถานการณ์ชายแดนในขณะนี้ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน หากเกิดการสู้รบกันอีกจัดการให้จบไปเลย ชัดเจนไปเลย ชาวบ้านจะได้ทำมาหากินแบบสบายใจ คือหลักๆที่ประชาชนเป็นห่วง เรื่องที่ 2 คือเรื่องของพื้นเกษตรแนวชายแดนราคาตกต่ำมาก ทำให้พืชเกษตรเพื่อนบ้านข้ามเข้ามาบ้านเรา ทำให้เกิดปัญหา ควรที่จะต้องดูแลในบ้านเราก่อน ไม่ควรให้เข้ามา นี่คือที่หลักๆชาวบ้านได้เสนอมาและรวมถึงสวัสดิการของชุด ชรบ ที่สมควรจะได้รับเหมือนกับ อสม. ซึ่งเรื่องนี้ทาง คณะสว. จะนำเสนอทางระฐบาลให้ดำเนินการหาวิธีการช่วยเหลือเร่งด่วน