สทนช.ลงพื้นที่ประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำรับมือน้ำเหนือลุ่มเจ้าพระยาและพายุหนองฟ้า

วันนี้ 31 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณห้องประชุมพระครูวิมลคุณากร ชั้น 2 อาคารศูนย์เรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และคณะ ลงพื้นที่ประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยา และการเตรียมความพร้อมของหน่วยงาน และจังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา หลังจากปริมาณน้ำทางภาคเหนือมีมาก ประกอบกับช่วงนี้พายุหนองฟ้า ส่งผลกระทบให้ทางภาคเหนือของประเทศไทย มีฝนตกหนัก


ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นในช่วงของพายุวิภา หรือพายุคาจิกิ ล่าสุดก็คือพายุหนองฟ้า ที่เข้ามาส่งผลกระทบในประเทศไทย ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ทำให้เกิดปริมาณฝนตกหนักและมีปริมาณน้ำมาก ในพื้นที่ของลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำน่าน ซึ่งใน ส่วนของลุ่มน้ำยมก็มีการเร่งระบายน้ำมาสู่ลุ่มน้ำน่าน

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนของลุ่มน้ำยมก็มีการเร่งระบายน้ำมาสู่ลุ่มน้ำน่าน ในช่วงของพายุที่เข้ามาก่อนหน้านี้ 2 ลูก รวมไปถึงขณะนี้ในส่วนของพายุหนองฟ้าด้วย ขณะเดียวกันอย่างเขื่อนสิริกิติ์ ที่เป็นเขื่อนหลักของลุ่มน้ำน่านก็มีปริมาณน้ำสูงขึ้น อยู่ที่ปริมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ของความจุเก็บกักในปัจจุบันจึงทำให้เขื่อนสิริกิติ์มีความจำเป็นต้องพร่องน้ำมากขึ้น ในอัตรา 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เนื่องจากปริมาณฝนที่จะเข้ามาอีก และในอนาคตก็จะมีฝนเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงของเดือนกันยายน หากไม่ทำการระบายน้ำแล้วก็อาจจะทำให้เขื่อนสิริกิติ์น้ำล้นได้ ขณะเดียวกันในส่วนของเขื่อนภูมิพลก็จะเห็นว่ามีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน อยู่ที่ปริมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของความจุเก็บกัก นอกจากนี้ก็ยังมีปริมาณฝนที่ตกทางด้านท้ายเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ จึงทำให้มวลน้ำดังกล่าวไหลลงมารวมกันที่ จ.นครสวรรค์ และจะมาผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่ จ.ชัยนาท

ทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องประชุมหารือร่วมกันกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ด้านตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา และพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่ จ.ชัยนาทลงไป เพื่อที่จะได้ทราบข้อมูลและดำเนินการวางแผนการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจจะมีการส่งผลกระทบบ้างในบางพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่นอกคันกันน้ำ

อย่างไรก็ตามในช่วงนี้เขื่อนเจ้าพระยาอาจจะมีความจำเป็นต้องระบายน้ำไปถึง 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก็จะมีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบก็คือ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี บางส่วน ซึ่งทางกรมชลประทานก็จะมีการแจ้งไปยังประชาชนในพื้นที่ที่มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบให้มีการเตรียมตัวเพื่อเป็นการลดความเสียหาย ดังนั้นในช่วงหลังจากนี้ก็อาจจะมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเนื่องจากน้ำทางด้านเหนือมีมาก และจากการคาดการณ์ในช่วง 2-3 อาทิตย์หลังจากนี้ ก็จะมีปริมาณฝนตกในพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อเป็นการลดผลกระทบจึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำให้เกิดช่องว่างเพื่อรับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งนี้ ทาง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวมไปถึง กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการบริหารจัดการน้ำให้มีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

วรชล ฟักขาว ภาพ/ข่าว ผู้สื่อข่าว topnewsท้วไทย จ.ชัยนาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ภูมิใจไทย" เดินหน้าทันที ยื่นญัตติสภาฯเลือกนายกฯคนที่ 32 เผย "วันนอร์" เข้าใจเป็นเรื่องเร่งด่วน
นาทีชีวิต! สาวโรงงานขี่ จยย.ระหว่างรอกลับรถ สิบล้อเสียหลักพลิกคว่ำทับ จยย. โชคดีคนรอดหวุดหวิด
"เท้ง ณัฐพงษ์" โชว์ใหญ่ ปชน.ใช้ 143 สส. ควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขู่จุดจบถ้าภท.ตระบัดสัตย์
เชียงใหม่ ACCL- CMU อบรมเชิงปฏิบัติการ ตกแต่งต้นสลาก "เฮียนฮู้ ฮ่ายฮอม แต่งต้อม ต้นสลาก"
เชียงใหม่ ผอ.สพม.เชียงใหม่ พบปะบุคลากรทางการศึกษา มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน
"อนุทิน" จับมือ "ธรรมนัส-สุชาติ-สันติ" แถลงพร้อมสส. 146 คน ลงนามรับเงื่อนไข 5 ข้อ MOU "ปชน." นั่งนายกฯคนที่ 32

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​