14 ส.ค.2568 ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ควบคุมตัวนายสฤษดิ์ จันท์ประธาตุ หรือ พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ เข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาคกลางได้ออกหมายจับในข้อหา มาตรา147 “เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์” และมาตรา157 “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” โดยอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้ประสาน “ขอมอบตัว” กับตำรวจในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์

เมื่อมาถึงที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองทัพนักข่าวพยายามรุมล้อม “สมีสฤษดิ์” พร้อมทั้งถามว่าอยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงอะไรหรือไม่ ถึงความสัมพันธ์กับนางสาวภูธินี กวินพิศาล หรือสีกาน้ำหวาน แต่เจ้าตัวไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ กับสื่อ ก่อนที่จะกอดเอวด้านหลังตำรวจ แล้วเดินเข้าห้องสอบสวนไป

สำหรับการเข้ามอบตัวในครั้งนี้ พฤติการณ์คดีดังกล่าว เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2568 สมีสฤษดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ นางสาวภูธินี และยักยอกเงินวัดนครสวรรค์ จากการสืบสวนพบว่า ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 –10 กรกฎาคม 2568 เจ้าอาวาสได้สั่งให้พระศตยา พุ่มเดช พระลูกวัดเบิกถอนเงินจากบัญชีวัดนครสวรรค์ และฝากเข้าบัญชีพระศตยา ก่อนโอนต่อเข้าบัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส กว่า 4 ล้าน 1 แสนบาท

ต่อมาได้โอนเงินจากบัญชีเจ้าอาวาสเข้าบัญชี นางสาว ภูธินี รวม 405,000 บาท แสดงพฤติการณ์สมคบกันยักยอกเงินวัด ซึ่งพระศตยา ให้การยืนยันว่า ได้รับคำสั่งโดยตรงให้เบิกถอน และโอนเงิน รวมทั้งพบเห็นนางสาว ภูธินี มาพบอดีตเจ้าอาวาสหลายครั้ง วัดนครสวรรค์จึงมอบตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดี ฐาน “เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ”

จากการสืบสวนพบพฤติกรรมสัมพันธ์ฉาวระหว่าง สมีสฤษดิ์ กับเศรษฐีนีสาวใหญ่นั้น โดยพบข้อมูลสำคัญที่เชื่อได้ว่า นอกเหนือจากผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรงแล้วนั้น สมีสฤษดิ์กระทำผิดคดีอาญา เรื่องเกี่ยวกับการทุจริตเงินของวัดด้วย กระทั่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบหลักฐานที่ชัดเจน จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ สมีสฤษดิ์ และสีกาน้ำหวาน จนนำมาสู่การเข้าจับกุมตัวในครั้งนี้

ขณะเดียวกันจากข้อมูลของการสืบสวนที่พบว่า อดีตเจ้าคณะอาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการก่อสร้างพุทธอุทยาน ที่ดำเนินการมากว่า 10 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จนกระทั่ง หลวงพ่อพัฒน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เกจิดังนครสวรรค์ เข้ามาช่วยบริหารจัดการต่อในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งก่อสร้างแล้วเสร็จได้ในที่สุด ซึ่งในเรื่องดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบเท็จจริงกันต่อไป